×

TRIFECTA! เดโมแครตได้ครองทั้งฝ่ายบริหาร-สภาคองเกรส หลังคว้าชัย 2 ที่นั่งสุดท้ายในวุฒิสภา

07.01.2021
  • LOADING...
TRIFECTA! เดโมแครตได้ครองทั้งฝ่ายบริหาร-สภาคองเกรส หลังคว้าชัย 2 ที่นั่งสุดท้ายในวุฒิสภา

ศึกเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาครั้งชี้ชะตาในรัฐจอร์เจียได้บทสรุปอย่างไม่เป็นทางการแล้ว โดยเป็นผู้สมัครจากเดโมแครตที่ทำได้ตามเป้าหมาย ด้วยการคว้าเก้าอี้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 2 ที่นั่งที่เหลืออยู่ ส่งผลให้พรรคเดโมแครตที่ก่อนหน้านี้คว้าชัยการเลือกตั้งประธานาธิบดี และได้ครองเสียงส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎร (สภาล่าง) สามารถกุมเสียงข้างมากได้ทั้งสองสภา และได้ครองอำนาจทั้งฝ่ายบริหารและสภาคองเกรส (Trifecta) เป็นครั้งแรกในรอบสิบปี

 

สำหรับการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกรัฐจอร์เจียเมื่อวันที่ 5 มกราคม เป็นไปตามกฎเกณฑ์เฉพาะของมลรัฐจอร์เจียที่กำหนดไว้ว่า ผู้ชนะการเลือกตั้งจำเป็นต้องได้เสียงเกิน 50% ซึ่งในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ไม่มีผู้สมัครคนใดได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่ง ทำให้ผู้สมัครที่ได้คะแนนสูงสุดสองคนต้องมาต่อสู้กันอีกรอบ (Run-off Election) ซึ่งก็คือ ส.ว. เจ้าของตำแหน่งเดิมอย่าง เดวิด เพอร์ดู จากพรรครีพับลิกันและผู้ท้าชิงอย่าง จอน ออสซอฟฟ์ จากพรรคเดโมแครต ส่วนเก้าอี้ ส.ว. อีก 1 ที่นั่งเป็นการเลือกตั้งซ่อม ซึ่งเป็นการชิงชัยระหว่าง ส.ว. รักษาการณ์อย่าง เคลลี เลฟเลอร์ จากพรรครีพับลิกัน และผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครตอย่างสาธุคุณ ราฟาเอล วอร์นอค

 

ซึ่งผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการหลังผ่านพ้นไป 98% ทั้งเครือข่ายสถานีข่าวชั้นนำอย่าง CNN และสำนักข่าว AP ต่างประกาศให้ออสซอฟฟ์เป็นผู้ชนะเพอร์ดู โดยแคนดิเดตจากเดโมแครตพลิกแซงผู้สมัครจากรีพับลิกันในช่วงสุดท้ายของการนับคะแนน  

 

ส่วนการเลือกตั้งซ่อมอีก 1 ที่นั่ง เป็นสาธุคุณวอร์นอคจากโบสถ์ Ebenezer Baptist ในแอตแลนตาที่สามารถโค่น เคลลี เลฟเลอร์ คู่แข่งจากรีพับลิกัน ด้วยคะแนนเสียง 50.6% ต่อ 49.4% ซึ่งทำให้วอร์นอคสร้างประวัติศาสตร์เตรียมก้าวเป็นวุฒิสมาชิกผิวดำคนแรกในรัฐจอร์เจีย และเป็นชาวอเมริกันผิวดำคนที่ 11 ที่ได้นั่งเก้าอี้วุฒิสภาของสหรัฐฯ

 

ชัยชนะของเดโมแครตทำให้พวกเขามีที่นั่งในวุฒิสภา (สภาสูง) จำนวน 50 ที่นั่งเท่ากับพรรครีพับลิกัน แต่เดโมแครตซึ่งชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีไปก่อนหน้านี้จะได้ครองเสียงข้างมาก เนื่องจากหากเกิดกรณีที่การโหวตมีคะแนนเท่ากัน รองประธานาธิบดีซึ่งก็คือ คามาลา แฮร์ริส จะมีอำนาจชี้ขาดในฐานะประธานวุฒิสภาโดยตำแหน่ง (Tie-breaker)

 

ชัยชนะในรัฐจอร์เจียถือว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อเดโมแครต เนื่องจากรัฐดังกล่าวเป็นป้อมปราการสีแดง หรือฐานเสียงของรีพับลิกันมาหลายสมัย ซึ่งการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ผ่านมา โจ ไบเดน สามารถทลายกำแพงดังกล่าวได้สำเร็จ โดยเป็นแคนดิเดตของเดโมแครตคนแรกนับตั้งแต่ทศวรรษ 1990 ที่ชนะในรัฐดังกล่าว

 

การครองเสียงข้างมากในสภาสูงยังมีผลอย่างมากต่อทิศทางการบริหารประเทศของไบเดนในช่วง 2 ปีข้างหน้า เพราะเขาจะมีโอกาสผลักดันนโยบายหลายอย่างของฝ่ายซ้ายได้สำเร็จก่อนการเลือกตั้งกลางเทอม เช่น นโยบายลงทุนกับพลังงานสะอาด (คล้ายกับ Green New Deal) การปฏิรูประบบยุติธรรม และการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ถึงแม้ว่าไบเดนอาจจะต้องออกแรงมากหน่อยในการโน้มน้าวให้ ส.ว. สายกลางของพรรคอย่าง โจ แมนชิน จากมลรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย และเคอร์สเตน ซินิมา จากมลรัฐแอริโซนาโหวตให้กับนโยบายของเขาก็ตาม

 

นอกจากนี้ไบเดนยังมีโอกาสผลักดันมาตรการจ่ายเช็คเงินสดเยียวยาชาวอเมริกันจากผลกระทบโควิด-19 เพิ่มเป็นคนละ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐได้สำเร็จอีกด้วย โดยเขากล่าวก่อนหน้านี้ว่า การโหวตให้ออสซอฟฟ์และวอร์นอคจะเปิดทางให้สภาคองเกรสฝ่าทางตันในการผ่านกฎหมายดังกล่าว 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising