วานนี้ (14 ตุลาคม) กลุ่มราษฎรได้เผยแพร่แถลงการณ์ ราษฎร ครบรอบ 1 ปี การเคลื่อนไหวของคณะราษฎร 2563 โดยมีเนื้อหาระบุว่า เนื่องในวันที่ 14 ตุลาคม 2564 นอกจากจะเป็นวันครบรอบ 48 ปี วันมหาวิปโยค 14 ตุลาคม 2516 แล้ว ยังเป็นวันครบรอบ 1 ปี การชุมนุมใหญ่ของคณะราษฎร 2563 ที่ราษฎรนับแสนชีวิตได้ร่วมเคลื่อนพลจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปยังทำเนียบรัฐบาล และด้วยกำลังจากราษฎรทุกคน จึงทำให้สามารถล้อมทำเนียบรัฐบาลได้สำเร็จ แม้จะมีอุปสรรคจากเจ้าหน้าที่รัฐ และยัดเยียดข้อหาให้
“การชุมนุมเป็นไปด้วยความสันติ ปราศจากอาวุธ ราษฎรตั้งใจที่จะปักหลักชุมนุมค้างคืนเพื่อกดดันให้ผู้มีอำนาจทำตามข้อเรียกร้อง แต่สิ่งที่ได้คือการใช้กำลังเข้าจับกุมและสลายการชุมนุมในเช้ามืดวันที่ 15 ตุลาคม ทำให้เพื่อนหลายคนถูกจับ และพี่น้องราษฎรที่เดินทางจากภูมิลำเนาของตนตกค้าง ไม่สามารถกลับภูมิลำเนาได้”
การชุมนุมต่อเนื่องหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ก็ยกระดับความรุนแรงในการสลายการชุมนุม เช่น การใช้รถฉีดน้ำผสมสารระคายเคืองที่แยกปทุมวัน จนถึงการใช้กระสุนยางยิงผู้ชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดง และยังยกระดับความรุนแรงด้วยกฎหมาย จากการดำเนินคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, กฎหมายอาญา มาตรา 116 และกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นจำนวนมาก ทำให้เพื่อนหลายคนถูกคุมขังและไม่ได้รับสิทธิประกันตัว
“ราษฎรเสียใจและขออภัยต่อพี่น้องราษฎรที่เข้ามาร่วมการชุมนุมในค่ำคืนนั้นทุกท่าน ที่เราไม่สามารถอำนวยความสะดวกและดูแลท่านในวินาทีที่เจ้าหน้าที่รัฐใช้ความรุนแรงเพื่อยุติการชุมนุมของพวกเรา จึงได้เปลี่ยนรูปแบบการชุมนุมไปเป็นการชุมนุมรายวัน และได้เห็นพลังของพี่น้องราษฎรนับแสนที่ออกมาชุมนุมทุกวัน ทุกพื้นที่ นั่นคือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้”
และเป็นสิ่งยืนยันว่า ประเทศนี้เป็นของราษฎรอย่างแท้จริง โดยยังคงยืนยัน 3 ข้อเรียกร้อง
- ประยุทธ์และองคาพยพต้องออกไป
- ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ทุกหมวด ทุกมาตรา
- ปฏิรูปสถาบันฯ
“การเคลื่อนไหวของราษฎรยังคงดำเนินต่อไป และกระจายไปตามภูมิภาคต่างๆ และขอแสดงความนับถือต่อหัวใจพี่น้องราษฎรทุกคนที่ร่วมต่อสู้เคียงข้างกันตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ขอให้พี่น้องร่วมเดินทางกันต่อไป แม้หนทางสู่ประชาธิปไตยอาจไม่ราบรื่นนัก แต่หากร่วมมือกัน ฟ้าใหม่ย่อมมาถึงอย่างแน่นอน สำหรับการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของราษฎร ขอให้พี่น้องทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการนัดหมายครั้งสำคัญ 31 ตุลาคมนี้”