วันนี้ (27 พฤศจิกายน) ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นิสิต นักศึกษา และภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ยื่นฟ้อง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ได้แก่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 2 , พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จำเลยที่ 3,สำนักนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 4, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำเลยที่ 5 และกระทรวงการคลัง จำเลยที่ 6 เรียกค่าเสียหายจากเหตุละเมิดเสรีภาพในการชุมนุม และขอให้เพิกถอนประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง พ.ศ. 2548 ซึ่งออกตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต่อศาลแพ่ง โดยมี ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์ เป็นโจทก์ที่ 1 และนิสิต นักศึกษารวม 7 คน
หนึ่งฤทัย กิจการศุภฤกษ์ ตัวแทนนักศึกษา เปิดเผยว่า ประกาศดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพทั้งทางร่างกายและทางความคิดของผู้เข้าร่วมการชุมนุม จึงมีการเรียกค่าเสียหายจำนวน 5 แสนบาทต่อคน รวม 3.5 ล้านบาท โดยคำนวณแล้วไม่มากเกินความเป็นจริง พร้อมขอให้ศาลยกเว้นค่าธรรมเนียม เนื่องจากผู้ฟ้องเป็นนักศึกษา โดยพิจารณาเรียกค่าเสียหายจากผลกระทบในหลายด้าน เช่น การที่รัฐบาลปิดทางเข้า-ออกพื้นที่ชั้นในกรุงเทพฯ ซึ่งทำให้ประชาชนเดินทางไม่สะดวก การสั่งปิดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่อาจทำให้ผู้ใช้ทางมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น รวมถึงมีผู้เข้าร่วมการชุมนุมถูกจับกุม ซึ่งหนึ่งในนั้นคือโจทก์ที่ 1 รวมถึงมีประชาชนหลายคนที่ถูกสารเคมี เนื่องรัฐบาลมีการสลายการชุมนุมหลายครั้ง และหลายคนถูกจำกัดการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง
ด้าน สุรชัย ตรงงาม ในฐานะทนายความของภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ยืนยัน การฟ้องเพิกถอนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงวันนี้ แม้นายกรัฐมนตรีทำการยกเลิกไปแล้ว แต่การฟ้องเพิกถอนเป็นอีกเรื่องหนึ่งตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยครั้งนี้เป็นการฟ้องร่วมกัน ที่เพิ่มเติมการเรียกค่าเสียหายเข้ามา ดังนั้นหวังว่าศาลจะมองเห็นว่าการประกาศดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งหากศาลดำเนินการไต่สวนในวันนี้ ทางทนายความก็พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการทันที
ส่วนประเด็นผู้ได้รับบาดเจ็บจากน้ำสารเคมีในการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ จะมีการดำเนินคดีในเรื่องนี้ต่อแน่นอน ดังนั้นคนได้รับผลกระทบจากการชุมนุมไม่ได้มีแค่ 7 คน จึงขอประชาสัมพันธ์ต่อไปยังประชาชน สื่อมวลชนที่ได้รับผลกระทบ สามารถเดินทางมาร้องและร่วมกันเป็นพยาน เพื่อดำเนินการเอาผิดรัฐบาล เพราะการชุมนุมทุกครั้งเป็นไปด้วยความสงบ เรียบร้อย ตามหลักกติกาสากล
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
