ไม่บ่อยนักที่แบรนด์พิซซ่าจะลุกขึ้นมาทำ ‘ขนม’ เป็นของตัวเอง หากสังเกตให้ดีจะพบว่ายังไม่มีแบรนด์ไหนที่ปั้นขนมของตัวเองแล้วปังจนคนติดอกติดใจ แม้แต่ The Pizza Company ก็ยอมรับว่าเคย ‘ผิดหวัง’ มาก่อนเช่นกัน
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน The Pizza Company วางขายขนมของตัวเองโดยเป็นเมนู ‘ช็อกโกแลตลาวา’ ซึ่ง “ตอนนั้นก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก สิ่งที่เราได้เรียนรู้คือ ช็อกโกแลตลาวาควรกินกับไอศกรีม ซึ่งเราเองก็ไม่มีวางขายหน้าร้าน ขณะเดียวกันราคา 69 บาทก็สูงไปสักนิดในความรู้สึกของลูกค้า” กิตติเชษฐ์ สถิตย์นพชัย ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด The Pizza Company ภายใต้การดำเนินการของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH
แต่ล่าสุด The Pizza Company ได้ตัดสินใจลุกขึ้นมาขายขนมอีกครั้ง โดยครั้งนี้วางขาย ‘ทาร์ตไข่’ ซึ่งปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก จนขายหมด 1 แสนชิ้นภายใน 4 วัน ซึ่งเดิมเป็นยอดขายที่ประเมินไว้ว่าจะขายในระยะเวลา 1 เดือนด้วยกัน
กิตติเชษฐ์ขยายความว่า ที่ The Pizza Company เลือกขายขนมในช่วงเวลานี้เป็นเพราะมองว่าลูกค้าน่าจะอยากได้ขนมมากินหลังมื้ออาหาร ซึ่งช่วงเวลานี้การออกไปซื้อเองที่ร้านก็ไม่ได้สะดวกมากนัก นอกจากนี้บางเมนูก็ไม่ได้เหมาะที่จะสั่งมากินที่บ้านเช่นกัน ขณะเดียวกัน The Pizza Company ก็หวังว่าเมนูขนมจะเป็นหนึ่งในรายได้ที่เข้ามาช่วยประคองธุรกิจให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้
แต่ก็ใช่ว่าจู่ๆ จะหยิบเมนูไหนก็ได้มาทำ ต้องดูถึงความพร้อมของแบรนด์ด้วย ดังนั้นเมื่อขายพิซซ่าที่ต้องอบอยู่แล้วขนมที่จะทำจึงต้องอบด้วย เพื่อให้การจัดการในร้านไม่ยุ่งยากจนเกินไป ขณะเดียวกันก็ต้องเป็นเมนูที่คนไทยรู้จัก และราคาต้องเข้าถึงได้
หลังจากพัฒนามา 1 เดือน ในที่สุดก็ออกมาเป็นทาร์ตไข่สูตรต้นตำรับสไตล์ฮ่องกง “ซึ่งเราตั้งชื่อเมนูว่า ต่านทาร์ต เป็นการทับศัพท์มาเลย” กิตติเชษฐ์กล่าวพร้อมขยายความว่า “เราเลือกวางขายวันแรกในวันที่ 9 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันจันทร์ โดยปกติแล้ว The Pizza Company จะไม่ออกเมนูใหม่วันจันทร์ เพราะเป็นวันที่มียอดขายน้อยที่สุดในรอบสัปดาห์”
ปรากฏว่าแค่วันแรกที่วางขายสต๊อกที่เตรียมไว้ก็หมดเกือบครึ่งหนึ่งในทันที หลังจากนั้น 4 วันก็หมดเกลี้ยง “เรามองว่าการประสบความสำเร็จเกินคาดมาจากการเป็นเมนูที่มีสตอรี อร่อย และเป็นราคาที่เข้าถึงได้ด้วยราคา 2 ชิ้น 39 บาท ซึ่งไม่ได้แพงมากนักสำหรับช่วงที่เศรษฐกิจไม่ได้สดใสแบบนี้” โดยขณะนี้ The Pizza Company กำลังอยู่ในช่วงการหาสินค้ามาเติมสต๊อก และจะวางขายไปจนถึงวันที่ 11 เดือนกันยายน แต่หากได้รับการตอบรับที่ดีก็อาจจะขายต่อไปอีก 1 เดือน
อย่างไรก็ตามด้วยการระบาดของโรคโควิดที่กลับมารุนแรงอีกครั้ง ทำให้ช่วง 7 เดือนแรกของปีภาพรวมของธุรกิจไม่ได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ซึ่งในช่วงที่กำลังซื้อไม่ได้มีมากนัก The Pizza Company ก็เลือกที่จะออกโปรโมชันกระตุ้นกำลังซื้อเป็นหลัก
คาดว่าสถานการณ์จะกลับมาดีขึ้นในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนหรือต้นเดือนธันวาคม ซึ่งหากทุกอย่างดีขึ้น The Pizza Company ก็พร้อมที่จะทำแคมเปญและออกเมนูใหม่ เพื่อกระตุ้นยอดขายปลายปีที่เป็นช่วงเทศกาลในทันที