สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานรวบรวมความคิดเห็นของนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญ เกี่ยวกับบทบาทของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และความสัมพันธ์กับรัฐบาล ภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งเพิ่งจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
โดยแม้จะไม่ต้องรับมือกับคลื่นอารมณ์ที่ยากจะคาดเดาแบบอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเฟดจะไม่ต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันใดๆ ในการทำหน้าที่กับรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งความท้าทายที่ว่านี้ หมายรวมถึงการจัดการกับวิกฤตการระบาดของโควิด-19 การเดินหน้ากระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการรับมือกับประเด็นปัญหาทางสังคมต่างๆ เช่น ความเท่าเทียมกันด้านเชื้อชาติ และปัญหาโลกร้อน
ขณะเดียวกัน ด้วยความที่ เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังคนใหม่ของสหรัฐฯ เคยดำรงตำแหน่งประธานเฟดมาก่อน ดังนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับเฟดจึงน่าจะแนบแน่นพอสมควร
ในส่วนของนโยบาย หลายฝ่ายมองว่า ประธานาธิบดีไบเดนไม่น่าจะเข้าไปก้าวก่ายหรือกดดันเฟดมากนัก และน่าจะเห็นด้วยกับการเดินหน้าใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำต่อไป จนกว่าที่อัตราเงินเฟ้อจะขยายตัวเติบโตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 2%
คริสโตเฟอร์ วาเลน หัวหน้าที่ปรึกษา Whalen Global Advisors กล่าวว่า ไบเดน เป็นผู้สูงวัยหัวอนุรักษ์ ดังนั้นเจ้าตัวจึงเคารพการตัดสินใจต่างๆ ของเฟด ซึ่งวาเลนเห็นว่าเป็นเรื่องดีที่ได้ไบเดนมาคุม เพราะอย่างน้อยประธานาธิบดีไบเดนก็สามารถเบรกพวกสมาชิกที่มีแนวคิดสุดโต่งภายในพรรคได้
นอกจากนี้ ในแง่ของการดำเนินการด้านนโยบาย นอกจากการกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤตการระบาดครั้งใหญ่แล้ว หลายฝ่ายยังคาดหวังให้เฟดจัดสรรนโยบายเศรษฐกิจที่จะก่อให้เกิดความเท่าเทียมระหว่างคนต่างเชื้อชาติ ลดความเหลื่อมล้ำ และจัดการกับภาวะโลกร้อนได้
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: