×

ถอดบทเรียนโลกการทำงานจาก The Face Thailand Season 4 All Stars EP.6

25.03.2018
  • LOADING...

The Face Thailand Season 4 All Stars สัปดาห์นี้กลับมาพร้อมโจทย์แบบเล่นท่ายากให้สมใจแฟนๆ อีกครั้งกับการถ่ายแฟชั่นวิดีโอใต้น้ำ ลำพังแค่แคมเปญบนบกก็ควบคุมยากแล้ว นี่เล่นแข่งกันใต้น้ำยิ่งยากเข้าไปใหญ่ โจทย์ท้าทายขนาดนี้แล้ว เราจะมาถอดบทเรียนกันว่าสัปดาห์นี้มีวิชาอะไรที่เราเอาไปใช้ได้จากรายการ

 

ติดตามดูรายการ The Face Thailand Season 4 All Stars EP.6 ย้อนหลังได้ที่ tv.line.me/v/2919512

 

**บทความมีการสปอยล์เนื้อหาของรายการ

 

 

หัวหน้าคนใหม่ของลูกน้องคนเก่า

สัปดาห์นี้เมนเทอร์จากทีมพลอย – ซอนย่าไม่สามารถมาร่วมแคมเปญได้ รายการจึงส่งเกรซและซาบีน่า ผู้ชนะจากซีซันก่อนๆ มาเป็นเมนเทอร์แทน ซึ่งถ้าเทียบประสบการณ์แล้ว ต่อให้เอาทั้งสองคนมารวมกันชั่วโมงบินก็ยังน้อยกว่าเมนเทอร์ทีมอื่น

 

การที่จู่ๆ ทีมก็อยู่ในสถานการณ์ที่ขาดผู้นำกะทันหันและต้องมีผู้นำคนใหม่กระโดดเข้ามาอาจทำให้ลูกทีมเสียขวัญ เพราะทีมเกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ไม่มั่นใจในผู้นำคนใหม่ ไปจนถึงอาจเกิดการท้าทายเมนเทอร์คนใหม่ขึ้นในทีมได้ แต่สิ่งที่ต้องปรบมือให้ทีมพลอย – ซอนย่าก็คือในสถานการณ์นี้คือ ไม่มีใครมีปัญหากับเมนเทอร์ใหม่ ไม่มีดราม่าโหยหาเมนเทอร์คนเก่า ใครมาเป็นเมนเทอร์ก็ให้เกียรติ รับฟัง และเชื่อมั่นในการนำทีมหมด เพราะสถานการณ์ที่สั่นคลอนทีมได้ที่สุดคือสถานการณ์ที่ต้องการความสามัคคีมากที่สุด

 

เช่นเดียวกัน ต้องปรบมือให้เมนเทอร์เกรซและซาบีน่าที่สร้างความมั่นใจ ต่อให้เป็นเมนเทอร์ใหม่ ประสบการณ์น้อยกว่าทีมอื่น และต้องเป็นทีมแรก แต่ใจก็สู้มาก ไม่มีใครสติแตกกับความกดดัน เมนเทอร์แต่ละคนแบ่งหน้าที่กัน ดูหลังให้กันและกัน ไม่ตีกันเอง คอยให้กำลังใจลูกทีมตลอด ชั่วโมงบินอาจจะน้อยกว่า แต่เมื่อต้องก้าวมาเป็นผู้นำก็สู้เต็มที่ ไม่มีลังเล ไม่แสดงความเหยาะแหยะออกมา จนสัมผัสได้ว่าทั้งคู่ใจสู้เกินร้อย ไม่รู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบ

 

 

ในการทำงานก็เหมือนกันครับ เราอาจเจอสถานการณ์ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าขึ้น มีคนใหม่เข้ามาแทนคนเก่า บางครั้งเราจะยึดติดกับหัวหน้าคนเก่าเพราะความคุ้นเคย แต่สิ่งที่เราต้องตระหนักอยู่ตลอดเวลาก็คือ การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลด้วย

 

แน่นอนว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเราจะรู้สึกไม่มั่นใจ เป็นธรรมดาที่เราจะรู้สึกกลัวเพราะไม่เคยทำงานกับคนใหม่มาก่อน แต่เราต้องเปิดใจ ให้เกียรติคนใหม่ ศรัทธาเขา ถือว่าเราให้โอกาสกันและกัน อย่าลืมว่าคนเป็นหัวหน้าเองก็ต้องการโอกาส ต่อให้ใครมาเป็นหัวหน้า หน้าที่ของเรายังเหมือนเดิมคือทำหน้าที่ในส่วนของเราให้ดีที่สุด และจับมือกันพาทีมไปสู่ความสำเร็จ

 

ในอีกมุมหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงหัวหน้าใหม่ทำให้เราได้เรียนรู้วิธีการทำงานแบบใหม่ด้วย เขาอาจจะพาเราไปสู่การเรียนรู้ใหม่ๆ ด้วยก็ได้ อย่าเอาคนใหม่ไปเทียบกับคนเก่า ต่างคนก็มีวิธีการทำงานในแบบของตัวเอง ให้ถือว่าเราได้มาลองเรียนรู้วิธีการใหม่ๆ และช่วยกันหาทางพัฒนาทีมไปด้วยกัน ดีเสียอีกที่เราจะได้เขย่าตัวเองไม่ให้ต้องทำอะไรแบบเดิมๆ ตลอด ให้คิดว่า ต่อให้ของเก่าดีแค่ไหน เราก็ต้องไม่หยุดที่จะทำให้มันดีขึ้นอยู่ดี

 

สำหรับคนที่ต้องกระโดดเข้ามาเป็นหัวหน้าคนใหม่ในขณะที่หัวหน้าคนเก่าทำหน้าที่ไว้ดีมาก สร้างมาตรฐานการทำงานไว้สูงมาก และกุมหัวใจลูกทีมไว้อย่างดี บางครั้งเราอาจจะรู้สึกหวั่นไหวว่าเราจะทำได้ดีเท่าคนเก่าไหม ลูกทีมจะต้อนรับเราหรือเปล่า มีคำถามมากมายที่อาจจะเกิดขึ้น ให้คิดอย่างแรกคือเรามาทำงาน หน้าที่เราคือมาพัฒนางานให้ดีขึ้น เป็นโอกาสดีเสียอีกที่คนเก่าทำงานไว้ดีมาก เพราะเราจะสามารถเรียนรู้จากความสำเร็จของเขาได้ มีอะไรบ้างที่เราต่อยอดได้บ้าง และต่อให้สิ่งที่เขาทำไว้ดีอยู่แล้ว ก็ไม่ได้แปลว่าสิ่งที่ดีจะดีขึ้นอีกไม่ได้ เราก็ยังต้องหาทางพัฒนางานต่อไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปกดดันเปรียบเทียบตัวเองกับคนเก่า ดูแค่ว่าที่ที่เราอยู่นี้เราอยากทำให้ดีขึ้นอย่างไรบ้างด้วยวิธีการในแบบของเรา

 

ความรักความศรัทธาไม่ได้เกิดขึ้นในข้ามวันแต่ต้องใช้เวลาบ่มเพาะ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกลัวคนจะไม่ศรัทธาเรา เราแค่ทำหน้าที่ของเราให้ดีอย่างสม่ำเสมอเป็นเวลานาน เราก็จะเห็นดอกผลของความตั้งใจของเรา

 

 

เรียนรู้จากการทำสิ่งที่เราไม่ถนัด

ทีมพลอย – ซอนย่า มีลูกทีมสองคนที่ว่ายน้ำไม่เป็น เมนเทอร์เกรซและซาบีน่าได้ถามความสมัครใจแล้วว่ามั่นใจไหมที่จะลงน้ำ ถ้าไม่มั่นใจก็ไม่เป็นไร จะไม่ลงน้ำก็ได้ แต่สิ่งที่น่าชื่นชมทั้งปริมและทรายก็คือ แม้จะว่ายน้ำไม่เป็น แต่ก็สมัครใจที่จะลงแข่งด้วย เพราะเชื่อว่าอย่างน้อยก็ได้ลอง ถ้าลองแล้วแพ้ก็ยังได้ลองก่อน พอเป็นแบบนี้ก็ทำให้บรรยากาศในทีมฮึดสู้ไปด้วยกันหมด เพราะรู้สึกว่าแม้แต่คนที่ว่ายน้ำไม่เป็นยังสู้ขนาดนี้ ปรากฏว่าทรายกลายเป็นคนที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในทีม และทำให้ทีมได้รับคำชื่นชม ทั้งที่ทรายน่าจะเป็นคนที่ทุกคนคาดหวังน้อยที่สุด เพราะน่าจะกลัวการลงน้ำ ระหว่างการแข่งขันเอง ทรายก็ไม่แสดงออกว่าตัวเองกำลังทำสิ่งที่ไม่ถนัด แต่ทำหน้าที่ของตัวเองไปอย่างมีสติ คิดว่าไม่กลัวก็จะไม่กลัว สุดท้ายก็ทำออกมาได้ดี

 

ในการทำงานบางครั้งเราอาจจะต้องไปทำงานที่เราไม่ถนัด ทำไม่เป็น แน่นอนว่าการทำสิ่งที่เราถนัดมันคล่องกว่ามาก แต่การได้ลองไปทำสิ่งที่เราไม่ถนัดบ้างก็ทำให้เราได้เรียนรู้ ได้มีประสบการณ์ใหม่ๆ ได้ท้าทายตัวเอง และอาจจะได้ค้นพบความสามารถของเราที่ซ่อนอยู่ ที่สำคัญ ถ้าเราอยู่แต่ในสนามที่เราเป็นที่หนึ่งตลอด ทำแต่สิ่งที่ถนัดตลอด เราอาจจะไม่เคยเข้าใจคนที่อยู่ข้างหลังก็ได้ การได้ทำในสิ่งที่เราไม่ถนัดทำให้เรารู้ว่าเราไม่ได้เก่งที่สุดในทุกเรื่อง มีเรื่องที่เราไม่ถนัดอยู่ แต่เราสามารถเรียนรู้ได้หมด พอได้ลองแล้วอาจจะได้รู้ว่าสิ่งที่เราเคยกลัวมันไม่น่ากลัวขนาดนั้น มันฆ่าเราไม่ได้

 

เราจะเจอโจทย์ในชีวิตที่ต้องทำสิ่งที่เราไม่คุ้นเคยอยู่ตลอดเวลา อย่ากลัวที่จะเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ เราอาจจะเจอพลังที่ซ่อนอยู่ในตัว จากการทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อนก็ได้

 

 

ทุกคนต้องมีบทบาทต่อความสำเร็จของทีม

ทีมคริส – ลูกเกด ตัดสินใจให้ลูกทีมบางคนเท่านั้นที่ได้ถ่ายแฟชั่นวิดีโอ เนื่องจากมีเวลาจำกัด ถ้าต้องใช้ลูกทีมทั้ง 6 คนทำทั้งหมดอาจจะไม่ทันเวลา สู้โฟกัสอยู่ที่คนไม่กี่คนไปเลยดีกว่า เมนเทอร์คริสวางกลยุทธ์ไว้แบบนั้น ซึ่งมันอาจทำให้ลูกทีมที่ไม่ได้ลงน้ำรู้สึกว่าเขาไม่ได้รับความสำคัญ ไม่มีหน้าที่ เป็นตัวสำรอง แต่สิ่งที่ต้องให้เครดิตกับทีมนี้คือ เมื่อเมนเทอร์ตัดสินอย่างไรก็เชื่อมั่นในวิธีนั้น และเมื่อถึงการแข่งขัน คนที่ไม่ได้ลงน้ำก็ทำหน้าที่ช่วยเหลือเพื่อนๆ คอยให้กำลังใจ คอยช่วยดูแลเพื่อน ไปจนถึงทำหน้าที่แทนเพื่อนทันทีเมื่อเพื่อนทำต่อไม่ไหว ทำให้ไม่มีใครอยู่ว่าง ทุกคนมีหน้าที่หมด เมื่อแข่งขันเสร็จ ทุกคนก็รู้สึกว่าตัวเองมีบทบาทในทีม จะแพ้หรือชนะก็มีส่วนร่วมด้วยกันทุกคน

 

เวลาทำงาน การแบ่งหน้าที่เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ต้องให้ทุกคนมีบทบาทในงานนั้นให้หมด และต้องให้เครดิตกับทุกคน คนอยู่แถวหน้าหรือแถวหลังก็ต้องได้รับหน้าที่เช่นเดียวกัน และได้รับการ ‘มองเห็น’ ไม่ต่างกัน เพราะขาดคนใดคนหนึ่งงานก็สำเร็จไม่ได้ แต่บางครั้ง เราจำเป็นต้องเลือกลูกทีมบางคนมาลงสนามด้วยข้อจำกัดต่างๆ ไปจนถึงเพื่อเป็นไปตามกลยุทธ์การทำงานที่เราวางไว้ เช่นเดียวกับเมนเทอร์คริสที่จำเป็นต้องเลือกลูกทีมแค่บางคนเท่านั้นลงสนาม

 

อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องทำให้คนที่อยู่ข้างสนามไม่รู้สึกว่าถูกลืม ต้องให้เขามีบทบาท มีความสำคัญในทีม แจกจ่ายหน้าที่ให้ทุกคนหมด หาให้เจอว่าแต่ละคนเหมาะที่จะทำงานอะไร อะไรที่พอไปอยู่ในมือเขาแล้วเขาจะทำได้ดีบ้าง พอทุกคนรู้สึกว่าตัวเองมีหน้าที่ มีสิ่งที่ต้องโฟกัส เขาจะรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ากับทีม ไม่รู้สึกอิจฉาเพื่อน ขณะเดียวกัน เราก็ต้องไม่เก็บเขาไว้ข้างสนามตลอด บางครั้งเราต้องพาเขาลงสนามบ้างเพื่อให้เขาได้เรียนรู้ เช่นเดียวกัน เราก็ควรเอาคนที่ลงสนามมาอยู่ข้างสนามบ้างเพื่อให้เขาได้เรียนรู้ในการเป็นคนข้างสนามเช่นกัน หรือช่วยกันดูแล ช่วยกันสอนงานกันและกัน มันจะทำให้ไม่มีความรู้สึกว่าใครได้ความสำคัญอยู่คนเดียว ทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ และมีความหมายต่อทีมด้วยกันทั้งหมด

 

 

ซ้อม ซ้อม และก็ซ้อม

นิคกี้เลือกที่จะไม่ลองลงน้ำก่อน ตอนที่โค้ชมาสอนเรื่องการใช้ออกซิเจนในน้ำ แต่เลือกที่จะพักผ่อนก่อนในระหว่างที่ผู้เข้าแข่งขันผู้ชายทุกคนตัดสินใจไปเรียนกันหมด ผลก็คือนิคกี้แม้จะแข็งแรงมาก แต่พอลงน้ำจริงๆ ก็รับไม่ไหวเหมือนกันจนต้องพาส่งโรงพยาบาล กระนั้นก็ต้องปรบมือให้กับสปิริตของนิคกี้ที่พยายามประคองตัวเองจนทำหน้าที่เสร็จสิ้นและส่งไม้ต่อให้เติร์ท ภาพแฟชั่นวิดีโอที่ออกมาก็ดูไม่ออกว่านิคกี้ไม่ไหว อันนี้ต้องชื่นชม

 

แต่สิ่งที่นิคกี้พลาดคือการเลือกที่จะไม่ซ้อมก่อนเมื่อมีโอกาสได้เรียนกับโค้ช และไม่ได้วอร์มร่างกายก่อนลงน้ำ ทำให้ร่างกายรับไม่ไหว ซึ่งเมนเทอร์ริต้าก็พูดถูกว่าไม่ซ้อมก็คือผิดแล้ว และนักแสดงทุกคนต้องดูแลตัวเอง ไม่ใช่หวังให้ทุกคนต้องมาดูแลเราหมด เหตุการณ์ของนิคกี้คือสิ่งที่นิคกี้สามารถป้องกันได้

 

บางคนเวลาต้องพรีเซนต์ผลงานจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำพรีเซนเทชัน บางทีก็ทำพรีเซนเทชันเสร็จก่อนเข้าประชุมไม่กี่นาที งานร้อนมาก แต่ลืมให้เวลากับการซ้อมพรีเซนต์ จนพอถึงเวลาพรีเซนต์ มีไอเดียดีมากแต่พรีเซนต์ไม่รู้เรื่อง พูดแล้วไม่มั่นใจ งานที่ทีมสู้อุตส่าห์ตั้งใจทำมาดีแค่ไหนก็พังได้ ถ้าจะให้ดี พยายามทำพรีเซนเทชันให้เสร็จก่อน เพื่อเผื่อเวลาในการซ้อมพรีเซนต์ ให้ดีกว่านั้นคือต้องให้เวลาการซ้อมพรีเซนต์ให้มากกว่าเวลาในการทำพาวเวอร์พอยต์ อีกวิธีหนึ่งในการซ้อมที่ได้ผลดีมากคือ ให้เอาคนนอกทีมที่ไม่รู้เรื่องงานเรามาก่อนมาลองนั่งฟัง ถ้าแม้แต่คนที่ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลยฟังแล้วเข้าใจ คล้อยตามได้ แสดงว่าเราน่าจะมาถูกทางแล้ว — และก็ซ้อมต่อไป

 

ยิ่งซ้อมมากเราจะยิ่งรู้วิธีการพรีเซนต์ ตรงไหนติดขัด ตรงไหนเล่าแล้วต้องขยี้ ตรงไหนไม่ต้องเวิ่นเว้อมาก ซ้อมมากก็เห็นจุดบกพร่องมากขึ้นและอุดได้ทัน ยิ่งซ้อมก็จะยิ่งมั่นใจขึ้น พอถึงเวลาพรีเซนต์เราก็แค่ทำตามที่ซ้อมมา เรามนุษย์ออฟฟิศก็เหมือนนักกีฬานี่แหละครับ ไม่มีนักกีฬาคนไหนมาถึงก็ลงสนามแข่งเลยโดยไม่ได้ซ้อม   

 

ต่อให้มั่นใจตัวเองแค่ไหนก็ต้องซ้อม ซ้อม และซ้อม ซ้อมมากขึ้นก็เห็นภาพตัวเองที่ประสบความสำเร็จชัดเจนขึ้น ไม่ใช่ทำแค่เพื่อตัวเรา แต่ทำเพื่อทีมด้วย เพราะมันคือการส่งต่องานที่ทั้งทีมช่วยกันทำให้ไปถึงเป้าหมายได้ ซ้อมให้มากที่สุดจะได้ไม่เสียใจว่าเราน่าจะซ้อมให้มากกว่านี้

สัปดาห์หน้าเราจะได้เรียนรู้อะไรจาก The Face Thailand Season 4 All Stars ที่เอาไปใช้กับการทำงานของเราได้อีก ติดตามได้ที่ THE STANDARD กับท้อฟฟี่ แบรดชอว์ครับ

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising