“มันต้องเท่ก่อน และเราต้องชอบเป็นอันดับแรก”
นี่คือคำตอบของ The Duang (เดอะดวง) หรือ วีระชัย ดวงพลา ยามเมื่อเราถามว่า อะไรคือแก่นของงานที่ทำให้คอลเล็กชัน NFTs ของเขาประสบความสำเร็จ
The Duang เป็นหนึ่งในศิลปินไทยหลายคนที่ผันตัวนำงานของตนเองเข้าสู่โลกดิจิทัล โดยหวังใช้เทคโนโลโยลีบล็อกเชนขับเคลื่อนหารายได้ในช่วงโควิดแพร่ระบาด ก่อนปล่อยคอลเล็กชัน NFTs เขาเป็นนักวาดการ์ตูนชาวไทยที่มีชื่อเสียง มีแฟนคลับ มีผลงานขึ้นชื่อให้ประจักษ์ทั้ง Shockolate, i-am และ เรื่องมีอยู่ว่า ซึ่งชิ้นหลังดังไปไกลถึงประเทศญี่ปุ่น ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ Silver Award จากเวทีประกวดรางวัลการ์ตูนนานาชาติ ครั้งที่ 4 ปี 2554
นับหนึ่งใหม่ในโลก NFTs
แม้ความสำเร็จที่มีจะทำให้เป็นที่รู้จัก มีแฟนคลับ และสามารถเลี้ยงชีพได้จากการวาดการ์ตูน ทว่าพอเข้าสู่โลกบล็อกเชน The Duang ยอมรับว่าชื่อเสียงในโลกความเป็นจริงแทบไม่ช่วยอะไร ที่นี่เป็นตลาดซึ่งรวมคนทั้งโลกไว้ด้วยกัน และทั้งหมดเหมือนนับหนึ่งใหม่
“ผมรู้จัก NFTs ผ่านโซเชียลมีเดีย เห็นเพื่อนๆ พูดคุยกันก็สนใจ ประกอบกับช่วงนั้นว่างๆ ก็เลยลองดู ตอนแรกเข้าใจว่า NFTs ก็เหมือนการขายภาพใน Shutterstock ลงรูปแล้วมีคนมาซื้อและนำไปใช้ต่อได้ แต่พอมาขายจริงๆ กลับตาลปัตรไปหมด มันกว้างมาก ลึกมาก เป็นโลกอีกใบที่เราไม่รู้จัก”
ในช่วงแรก The Duang หยิบผลงานเก่าๆ ของตนเองมาปล่อยขายผ่าน OpenSea ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขาย NFTs ยอดนิยมบนเชน Ethereum ลงเป็นคอลเล็กชัน คอลเล็กชันละ 10 ตัว ราว 5-6 คอลเล็กชัน ปล่อยขายอยู่ประมาณ 2 เดือน ผลปรากฏว่าขายออกแค่ไม่กี่ชิ้นงาน ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าเสียความมั่นใจไม่น้อย
“ผมรู้สึกหงุดหงิดและตั้งคำถามกับความน่าเชื่อของตัวเราเอง เฮ้ย ทำไม มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมงานเราขายได้แค่นี้ เราก็กลับไปศึกษาใหม่ ดูว่าเขาทำอะไรกันบ้าง แล้วก็พบว่าที่เขาทำกันไม่ใช่สิ่งที่เราอยากทำ เราเลยวกกลับไปหาจุดเริ่มต้น ไล่ดูงานตัวเองที่ละชิ้น พร้อมตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราถนัดอะไร แล้วทุกอย่างก็มาจบตรงคำว่าเราชอบเขียนการ์ตูนแนวแก๊ง แนวตลกร้าย แนวคนเลว”
Gangster All-Star คอลเล็กชัน NFTs ที่มีขึ้นเพื่อปูทางสู่การ์ตูนเรื่องยาวชิ้นสุดท้ายของชีวิต
Gangster All-Star เป็นผลงาน NFTs จำนวน 50 ตัวที่ The Duang ปล่อยสู่ท้องตลาด หลังจากตั้งใจกลับไปทบทวนตนเอง แน่นอนว่างานคอลเล็กชันนี้ประสบความสำเร็จ มีผู้คนมากมายให้ความสนใจและอุดหนุนผลงานชิ้นนี้อย่างรวดเร็ว ในฐานะศิลปินผู้ขายงาน เขาดีใจมาก แต่เขารู้ว่านี่ยังไม่ใช่สิ่งที่ยั่งยืน เขาต้องสร้างคอมมูนิตี้ ทำให้ตัวละครของเขาแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม
“พอตัดสินใจได้แล้วว่าจะไปทางไหน ผมก็เลยพยายามสร้างคาแรกเตอร์ให้แข็งแกร่งมากกว่าเดิม มนุษย์ทุกคนมีความเป็นแก๊งอยู่ครับ เราพยายามดึงตรงนี้ออกมา แล้วนำมาปูเรื่องเข้ากับ NFTs ของตัวเอง ผมเลยยกระดับให้ตัวละคร 50 ตัวในคอลเล็กชันแรกเป็นหัวหน้าแก๊ง และทำคอลเล็กชันลูกออกมาเป็นสมาชิกแก๊ง โดยทั้งหมดจะนำไปสู่ซีรีส์การ์ตูนเรื่องยาวของผม Blackboy ซึ่งผมตั้งใจว่าคงเป็นคอมิกเรื่องสุดท้ายในชีวิต อยากตั้งใจกับมันมากที่สุด”
NFTs โอกาสของศิลปิน
“ผมอยากให้คนมองว่า NFTs คือแพลตฟอร์ม ไม่อยากให้มองแยกว่านี่คือโลกดิจิทัล นี่คือฟิสิคัล อย่างของผม ผมทำ NFTs เพื่อสร้างสรรค์งานและปูทางไปสู่การ์ตูนเรื่องยาวของตนเองในโลกที่จับต้องได้ ไม่ได้จบอยู่ในโลกดิจิทัลอย่างที่คนอื่นเข้าใจ เราอยากสร้างคอมมูนิตี้ บิลด์คนให้สนุกไปกับโลก Gangster All-Star ของเรา มนุษย์ทุกคนมีความเป็นแก๊งอยู่ในตัว แล้วงานตรงนี้น่าจะตอบโจทย์ส่วนลึกในใจของคน นั่นคือความสนุกแรก จากนั้นพวกเขาจะสนุกและตื่นเต้นมากขึ้นที่ได้เห็นตัวเองเข้าไปเป็นสมาชิกแก๊ง ไปอยู่ในคอมิก ไปอยู่ในอนิเมะ
เวลาผมทำ NFTs ผมรู้สึกว่ามันเป็นโลกที่ยิ่งใหญ่และเปิดกว้างมากๆ โลกนี้ทำให้ศิลปินมีช่องทางมากขึ้น เป็นโอกาสชิ้นใหญ่มากสำหรับศิลปิน โอกาสมันมาขนาดนี้แล้วจะไม่ลองคว้าดูหน่อยเหรอ ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ อาชีพอื่นยังมีข้อจำกัด แต่ NFTs ทำให้คนวาดรูปหรืองานศิลปะสามารถทำงานได้อย่างอิสระ”
ตอนนี้ The Duang กำลังจะมีผลงาน NFTs คอลเล็กชันใหม่ที่เขาบอกว่ายิ่งใหญ่และเตรียมงานนานมาก ชื่อ Gangster All-Star Evolutions คอลเล็กชัน Genelative Art แบบ Profile Picture จำนวน 7,777 ชิ้นงานแบบไม่ซ้ำ ที่ให้ทุกคนจับจองและได้สิทธิ์เลือกสมาชิกแก๊งที่คุณชื่นชอบจาก 50 แก๊งซึ่งปูมาจากคอลเล็กชันแรก โดยคาดว่าจะปล่อยในช่วงเดือนมีนาคมนี้
ใครที่เป็นสมาชิกแก๊งสามารถเข้าไปติดตามผลงานของ The Duang ได้ที่ https://linktr.ee/aroundtheduang