วันนี้ (18 สิงหาคม) พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ว่ากรณีของทักษิณก็มีพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานอภัยโทษ ซึ่งเกณฑ์การพระราชทานอภัยโทษมีในแต่ละมาตรา โดยหลักเกณฑ์หนึ่งคือ คนที่อยู่เรือนจำ 1 ใน 3 หรือหากมีโทษมาก อย่างน้อยต้องจำคุกมาแล้ว 8 ปี เพื่อรักษาสมดุลความรู้สึกทั้งภายนอกและภายในเรือนจำ รวมถึงหลักเกณฑ์อื่น
เนื่องจากเป็นปีมหามงคล ดังนั้นนักโทษตั้งแต่ชั้นกลางขึ้นไปจะได้รับพระราชทานอภัยโทษ โดยมีนักโทษเด็ดขาดและนักโทษกักขังแทนค่าปรับที่ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำรวมเกือบ 31,000 คน
พ.ต.อ. ทวี กล่าวต่อไปว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ทุกคนที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษจะต้องมีคณะกรรมการที่ประกอบด้วยอัยการและศาลมาดูรายละเอียดรายบุคคล ส่วนผู้ที่ได้รับการพักโทษก็จะได้รับการอภัยโทษทั้งหมด ซึ่งมีประมาณ 8,000 คน ส่วนผู้ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม 1 ใน 3 ทั้งคดียาเสพติดและคดีทุจริต ก็จะได้รับการลดโทษ แต่ไม่ได้รับการปล่อยตัว
เมื่อถามว่า กระบวนการตรวจสอบกรณีการพักรักษาตัวของทักษิณที่โรงพยาบาลตำรวจ หากพ้นโทษแล้วถือว่าจบเลยหรือไม่ พ.ต.อ. ทวี กล่าวว่า อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งเรื่องต่างๆ เป็นกระบวนการตรวจสอบที่มีความเป็นอิสระ
ทั้งนี้หาก ป.ป.ช. สอบถามมายังตนก็พร้อมให้ข้อมูลทุกอย่าง ส่วนจะรวมถึงกล้องวงจรปิดด้วยหรือไม่นั้น หากอยู่ในการครอบครองของกระทรวงยุติธรรมก็สามารถให้ข้อมูลได้ แต่หากอยู่ในการครอบครองของหน่วยงานอื่นก็จะต้องดูข้อกฎหมายว่าอนุญาตได้หรือไม่ และตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทาง ป.ป.ช. ยังไม่ได้เรียกเข้าให้ข้อมูล แต่น่าจะเรียกกรมราชทัณฑ์แล้ว
ส่วนกังวลหรือไม่ว่าจะมีการตรวจสอบย้อนหลังนั้น พ.ต.อ. ทวี กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ก็ทำตามกฎหมาย หากทำนอกเหนือกว่านั้นก็จะผิด อย่างที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเคยบอกไว้ว่ากฎกระทรวงอาจจะไปละเมิดสิทธิ ดังนั้นเมื่อกฎกระทรวงออกมาก่อนแล้ว ได้รับข้อมูลมาแล้ว ก็จะรับฟังความคิดเห็นได้หลายฝ่าย เพราะในรัฐธรรมนูญใหม่กำหนดให้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
เมื่อถามย้ำว่า ในขณะนี้ทักษิณพ้นโทษแล้วใช่หรือไม่ พ.ต.อ. ทวี กล่าวว่า “ได้รับอภัยโทษ”