กกร. คาด GDP ปี 2567 โตสุด 2.8% หลังมาตรการเบิกจ่ายภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ ห่วงรัฐบาลขึ้นค่าแรง ย้ำนายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจฟันธงให้ขึ้นค่าแรง 400 บาท พร้อมมองข้ามช็อตปีหน้าธุรกิจไทยเตรียมรับแรงกระแทกมาตรการกีดกันการค้ายุคทรัมป์ 2.0 เก็บภาษีเป็นนโยบายในการต่อรองกับคู่ค้า เช่น เม็กซิโก แคนาดา และกลุ่ม BRICS
วานนี้ (4 ธันวาคม) สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2567 ขยายตัวได้ 2.8% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกที่ดีกว่าที่คาดจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- วิเคราะห์โค้งสุดท้าย ‘ทรัมป์-แฮร์ริส’ ใครจะก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไป ไทยได้-เสียประโยชน์แค่ไหน เรื่องอะไรบ้างที่คนไทยต้องรู้
- อินโดนีเซีย-สปป.ลาว กำลังจะเป็นฐานผลิตแผงโซลาร์เซลล์ใหม่ของทุนจีน หลังเลิกจ้าง ลดกำลังผลิตในเวียดนามเพื่อเลี่ยงขึ้นภาษีสหรัฐฯ และก่อนที่ทรัมป์จะคัมแบ็ก
ขณะที่ปี 2568 ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีโอกาสขยายตัวได้ท่ามกลางความไม่แน่นอน โดยมีแรงส่งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง และมาตรการภาครัฐทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ที่กำลังจะทยอยออกมา เช่น การช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและกลุ่มผู้ประกอบการ SME การปรับกฎหมายเกี่ยวกับการเช่าที่ดินระยะยาว 99 ปี เพื่อดึงดูดการลงทุน และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
“แต่ในช่วงครึ่งปีหลังของปีหน้า ไทยจะเจอความเสี่ยงจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้าส่งออกหลัก เช่น อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เม็ดพลาสติก และยางล้อ”
ขณะที่คาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 2568 เผชิญความเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้า ภายหลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และประกาศจะใช้มาตรการกีดกันทางการค้าโดยการขึ้นภาษีนำเข้า ซึ่งคาดว่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในช่วงกลางปี 2568 เป็นต้นไป
ดังนั้น เบื้องต้นเศรษฐกิจโลกในปี 2568 จะอยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอนหลายปัจจัย โดยมีโอกาสเติบโตได้ต่ำกว่า 3% ส่วนเศรษฐกิจจีนมีโอกาสเติบโตได้เพียง 4.0-4.5%
น่าห่วงว่าเศรษฐกิจภูมิภาคอาเซียนอาจได้รับผลกระทบมาก ทั้งจากการส่งออกไปจีนที่จะลดลง การส่งออกโดยภาพรวมที่จะลดลงเนื่องจากถูกทดแทนด้วยสินค้าจีน สินค้าจีนทะลักอีกระลอก และการลงทุนภาคเอกชนที่ชะลอตัว
อีกทั้งนโยบายทรัมป์ 2.0 จะไม่จำกัดเฉพาะสินค้าจากจีนเท่านั้น แต่จะเป็นการเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าจากทุกประเทศ โดยอาจขึ้นอัตราภาษีนำเข้าจากจีนเป็น 60% และจากประเทศอื่นๆ เป็น 10-20%
รวมถึงจะใช้การเก็บภาษีเป็นนโยบายในการต่อรองกับคู่ค้า เช่น เม็กซิโก แคนาดา และกลุ่ม BRICS ซึ่งการขึ้นภาษีกับจีนอาจเกิดขึ้นได้เร็ว โดยเฉพาะกับสินค้าที่สหรัฐฯ เคยเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นในช่วงทรัมป์ 1.0
“ที่ประชุม กกร. จึงขอเสนอให้ภาครัฐและภาคเอกชนร่วมกันเตรียมความพร้อมรับมือเจรจาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภาษีนำเข้าและส่งออกกับสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า”
เผยน้ำท่วมเหนือ-ใต้ ฉุด GDP ไทย 0.6%
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมประเทศไทยในปีนี้ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินความเสียหายไว้ประมาณ 75,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.5% ของ GDP ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ถือว่าเป็นหนึ่งในภัยพิบัติที่เกิดขึ้นรวดเร็วและรุนแรงเช่นกัน
เบื้องต้นพบว่าหากสถานการณ์คลี่คลายได้เร็ว น่าจะมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 5,000-10,000 ล้านบาท หรือประมาณ 0.03-0.06% ของ GDP โดยพื้นที่ภาคการเกษตรได้รับผลกระทบมากที่สุด รวมถึงย่านการค้าสำคัญของจังหวัดสงขลา
ทั้งนี้ หากรวมความเสียหายของน้ำท่วมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ น่าจะมีความเสียหายราว 80,000-85,000 ล้านบาท หรือประมาณ 0.6% ของ GDP
สนั่นกล่าวอีกว่า ที่ประชุม กกร. มีมติยื่นหนังสือถึงหน่วยงานราชการและสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณานโยบายการปรับขึ้นค่าแรง 400 บาททั่วประเทศ โดยจะเสนอต่อหน่วยงานราชการและสำนักนายกรัฐมนตรีภายในวันที่ 6 ธันวาคมนี้ ซึ่งเอกชนย้ำว่า นายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจฟันธงให้ขึ้นค่าแรง
ภาพ: Jim Watson / Getty Images
