‘อั้ม’ หญิงไทยที่ประกอบอาชีพผู้ช่วยพยาบาลแผนกจิตเวช เมืองเซาแธมป์ตัน สหราชอาณาจักร หนึ่งในคนไทยที่ได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ผลิตโดย Pfizer ร่วมพัฒนากับ BioNTech โดสแรก ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ THE STANDARD Daily เมื่อวานนี้ (21 ธันวาคม) ว่าได้รับการฉีดเมื่อวันที่ 18 ธันวาคมในช่วงเช้า ตามเวลาท้องถิ่น แม้ว่าจะอยู่แผนกจิตเวช แต่ต้องพบเจอกับผู้ป่วยโควิด-19 จึงมีการส่งรายชื่อให้เข้ารับการฉีดวัคซีน ขณะที่เข้ารับวัคซีนรู้สึกตื่นเต้น กระบวนการทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ทั้งนี้ก็เหมือนการฉีดวัคซีนปกติทั่วไป
ส่วนอาการหลังฉีดวัคซีน อั้มกล่าวว่าตามเอกสารที่ได้รับมาจากโรงพยาบาลระบุว่าอาจมีอาการไข้อ่อนๆ ปวดเมื่อยตามตัว และระบมที่แขน ซึ่งส่วนตัวแล้วหลังฉีดไม่มีอาการใดๆ แต่ช่วงเย็นมีอาการยกแขนไม่ขึ้น รู้สึกตึงในข้างที่ฉีด อย่างไรก็ตาม อาการหายไปในเช้าวันรุ่งขึ้น และจากการสอบถามเพื่อนร่วมงานที่ได้รับวัคซีนพร้อมกันพบว่ามีอาการยกแขนไม่ขึ้นเช่นกัน
อั้มกล่าวถึงค่าใช้จ่ายในการฉัดวัคซีนต้านโควิด-19 ว่า “ไม่เสียค่าใช้จ่าย เนื่องจากเป็นรัฐสวัสดิการที่จัดให้สำหรับทุกคน”
อั้มยังกล่าวด้วยว่าสหราชอาณาจักรแบ่งกลุ่มบุคคลที่ต้องได้รับการฉีดวัคซีนออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม 1 คือบุคคลอายุ 80 ปีขึ้นไป และบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นด่านหน้าในการเผชิญกับผู้ป่วยโรคโควิด-19 กลุ่ม 2 คือบุคคลอายุ 60-80 ปี และบุคลากรทางการแพทย์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ด่านหน้า และกลุ่ม 3 คือบุคคลอายุต่ำกว่า 60 ปี ในกลุ่มสุดท้ายนี้คาดว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนปลายเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมปีหน้า
ส่วนกลุ่มที่ไม่ได้การรับการฉีดวัคซีนคือเด็กและบุคคลที่มีประวัติแพ้วัคซีนหรืออาหารบางชนิด
“เพื่อนร่วมงานเคยโดนหนูแฮมสเตอร์กัด ต่อมาได้รับการฉีดยาและพบว่าแพ้ยาที่ได้รับการฉีด ถือว่าเป็นบุคคลมีประวัติแพ้ยา จึงไม่ได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19” อั้มกล่าว
อั้มยังกล่าวถึงความมั่นใจในการทำงานหลังฉีดว่าทำให้รู้สึกว่ามีการปกป้องตัวเองมากขึ้น ทั้งนี้ยังต้องใส่หน้ากากอนามัยและล้างมือสม่ำเสมอ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์