×

‘หุ้นไทย’ ช่วงปรับฐาน ยังน่าลงทุนทั้ง Old Economy และ New Economy

07.12.2020
  • LOADING...
‘หุ้นไทย’ ช่วงปรับฐาน ยังน่าลงทุนทั้ง Old Economy และ New Economy

SET Index ในเดือนพฤศจิกายนเดือนเดียวปรับตัวสูงขึ้นเกินร้อยละ 10 ในขณะที่ ดัชนีหุ้นขนาดใหญ่ SET 50 ปรับตัวสูงเกิน SET index ไปกว่าร้อยละ 5 ทำไมบรรยากาศการลงทุนของบ้านเราถึงพลิกเป็นหนังคนละม้วนกับในช่วง 10 เดือนแรก และเป็นการปรับตัวขึ้นสวนกระแสบรรยากาศทางการเมืองในประเทศที่ทวีความรุนแรงขึ้นไปเรื่อย

 

อะไรคือปัจจัยที่ทำให้เกิดแรงบวกเข้ามาในแถบเอเชีย โดยเฉพาะประเทศไทย จุดเริ่มต้นมาจากผลการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกา โดยหลังจากเลือกตั้งเสร็จแล้ว และผลสรุปว่าเป็นไบเดนจากพรรคเดโมแครต ตลาดโลกรับรู้สองเรื่องทันที คือนโยบายของสหรัฐอเมริการจะเริ่มกลับมาผูกมิตรกันใหม่ ภาวะการค้าการขายในโลกที่ทะเลาะกันแบบไม่มีรูปแบบ ไม่มีเวที อย่างที่ทรัมป์ได้ทำก็จะหายไป ตามมาด้วยนโยบายกระตุ้นหรือช่วยเหลือเศรษฐกิจเฟสสองของสหรัฐอเมริกาที่ชะงักงันมาในช่วงเลือกตั้ง ก็น่าจะผ่านได้หลังจากมีรัฐบาลใหม่ ซึ่งมีขนาดใหญ่แน่

 

สุดท้ายคือความคืบหน้าของวัคซีนโควิด-19 ที่มาจากทั้ง Pfizer, Moderna และล่าสุดก่อนสิ้นเดือนพฤศจิกายน คือ AstraZeneca ที่ไทยเรามีเอี่ยวด้วย ทั้งหมดนี้เองที่ทำให้บรรยากาศการลงทุนทั่วโลกดีขึ้น และที่ดีมากคือ เอเชีย เพราะเราเป็นแหล่งผลิตสินค้าเพื่อการบริโภค และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก การมาถึงของเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ และโอกาสที่จะเปิดน่านฟ้าเพื่อการท่องเที่ยวอีกครั้ง จึงเป็นปัจจัยหนุนที่ทำให้ในรอบนี้ ความน่าสนใจในการลงทุนได้หันกลับมาสู่ เอเชียอีกครั้งหนึ่ง

 

ตลาดหุ้นที่ถูกกดทิ้งไปตลอดช่วง 10 เดือน โดยเฉพาะในแถบเอเชียใต้ รวมทั้งประเทศไทย ย่อมเป็นเป้าหมายแรกๆ ในการเติมน้ำหนักการลงทุนในแถบเอเชีย ในแง่ของหุ้นราคาถูก และอยู่บนสายการผลิตเพื่อการบริโภคที่กำลังจะฟื้นตัวของโลก รวมทั้งเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดน่านฟ้าและการท่องเที่ยว เนื่องจากการที่มีวัคซีนโควิด-19 ในรอบแรก การโหมเข้าซื้อแบบนี้เพราะต้องการขึ้นรถขบวนแรกให้ทัน ซึ่งในเวลานี้ก็ต้องบอกว่ารถขบวนแรกผ่านไปแล้ว ดังนั้นโดยสรุปคือ ภาวะการณ์ลงทุนคงต้องหยุดรอดูเชิงกันไปซักระยะหนึ่ง ภาษาเทคนิคอลเขาจะบอกว่า ตลาดหุ้นจะ Consolidate และแกว่งตัวออกด้านข้าง ภาษาชาวบ้านคือ รถมันเต็มก็คงต้องรอให้รถมันว่างกว่านี้ถึงจะค่อยๆ ทยอยไปกันต่อ

 

ผมเชื่อมั่นว่าหลายท่านคงสับสนกันอยู่ว่า ในเมื่อหุ้นภาคการผลิตและบริการแบบเดิมที่ไม่ใช่หุ้นเทคโนโลยี (Old Economy) ซึ่งมีระดับมูลค่าที่ถูกกว่า น่าสนใจกว่าหุ้นเทคโนโลยี (New Economy) ที่วิ่งกันขึ้นมาจนมูลค่าแพงมากๆ เราควรจะขายหุ้นเทคโนโลยี และเข้าหุ้นในภาคการผลิตเดิม หรือกลุ่มท่องเที่ยวดีหรือไม่ คำตอบคือ ยามนี้ผมว่าโลกได้รับประสบการณ์ใหม่จากการค้าขาย การประชุมแบบออนไลน์ ซึ่งสะดวก รวดเร็ว และประหยัด โดยที่โควิด-19 เป็นตัวเร่งให้สังคมโลกยอมรับในนวัตกรรมใหม่ๆ เหล่านี้เร็วขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น และเราไม่มีทางที่จะหวนกลับไปสู่สิ่งเดิมๆ ได้อีกแล้ว ซึ่งเราเรียกว่า Next Normal คือการดำเนินการในเรื่องเดิม แต่อยู่บนรูปแบบที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เช่น Cashless Society หรือ Virtual Platform เป็นต้น

 

ดังนั้นในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับฐาน การลงทุนในหุ้นยังน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ตราสารหนี้และทองคำ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด ส่วนจะเป็นกลุ่ม Old Economy หรือ New Economy ใครจะมาก่อนหรือมาหลัง ผมก็ว่าทั้งสองกลุ่มมีแนวโน้มปรับขึ้นได้ทั้งคู่ 

 

เพียงแค่คำแนะนำของผมในช่วงนี้ คือในพอร์ตการลงทุนของท่านควรมีหุ้นในสองกลุ่ม โดยอาจจะให้น้ำหนักในหุ้นกลุ่มแบบไหนต้องขึ้นอยู่กับความสนใจของแต่ละท่าน ในการรับฟังข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าหุ้นเหล่านั้น เราต้องยอมรับว่า หุ้นของเทคโนโลยีเป็นเรื่องของหุ้นในอนาคต

 

ดังนั้น มันอาจจะขัดๆ ไปสักเล็กน้อย หากจะให้น้ำหนักหรือเฝ้าติดตามโลกในอนาคตกับคนรุ่นใหญ่ อย่างไรก็ตามในแง่มุมของนักลงทุน ผมยังแนะนำควรจะทยอยเข้าลงทุน หรือการทำแบบ DCA เป็นวิธีที่ดีที่สุดในภาวะแบบนี้ครับ

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising