×

กำไรไตรมาส 4 ของหุ้นไทยต่ำกว่าคาด 20-30% โบรกคาดปีนี้ฟื้นตัว 12% แต่ยังต่ำกว่าก่อนโควิด

03.03.2024
  • LOADING...

ตลาดหุ้นไทยพ้นช่วงประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2566 โดยภาพรวมออกมาย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินไว้ ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET) ร่วงกลับมาต่ำกว่า 1,400 จุดอีกครั้ง ล่าสุดปิดที่ 1,367.42 จุด พร้อมด้วยแรงขายของนักลงทุนต่างชาติเกือบ 3 หมื่นล้านบาท ในช่วงกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา 

 

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า กำไรของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 4 ที่ผ่านมา ต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ราว 20-30% ส่งผลให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ปรับประมาณการกำไรรวมของปี 2567 ลงประมาณ 5-10% มาอยู่ที่ราว 95.3 บาทต่อหุ้น

 

หากมองย้อนกลับไปช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2564-2566) กำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยอยู่ที่ 86 บาทต่อหุ้น 81.5 บาทต่อหุ้น และ 82.6 บาทต่อหุ้น ตามลำดับ ซึ่งยังคงเป็นระดับที่ต่ำกว่าช่วงก่อนวิกฤตโควิด ซึ่งกำไรอยู่ในระดับ 88-98 บาทต่อหุ้น 

 

เทิดศักดิ์กล่าวต่อว่า ด้วยกำไรของหุ้นไทยระดับนี้ โอกาสที่หุ้นไทยจะทำจุดสูงสุดใหม่ (New High) คงเป็นไปได้ยาก 

 

อย่างไรก็ตาม หุ้นไทยยังมีแนวโน้มจะฟื้นตัวได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ แต่เต็มที่ไม่น่าจะเกินระดับ 1,500-1,600 จุด เนื่องจากกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยยังมีแนวโน้มจะถูกปรับลดประมาณการลงต่อเนื่อง จากปลายปี 2566 ที่ประเมินกันไว้ 105 บาทต่อหุ้น ปัจจุบันลงมาเหลือ 95.3 บาทต่อหุ้น และมีแนวโน้มจะถูกปรับลดลงไปเหลือ 92-93 บาทต่อหุ้น เติบโต 12% จากปีก่อน

 

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาเป็นรายอุตสาหกรรม จะเห็นได้ว่ากลุ่มหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรจะเติบโตโดดเด่นกว่าตลาดในปี 2567 เช่น ปิโตรเคมี (+197%) ขนส่ง (141%) อาหาร (+100%) ท่องเที่ยว (+44%) รับเหมาก่อสร้าง (+25%) เกษตร (+21%) สื่อสาร (+17%) อิเล็กทรอนิกส์ (+15%) น่าจะช่วยพยุงตลาดให้ขยับขึ้นไปได้

 

ส่วนหุ้นกลุ่มหลักอย่างธนาคารพาณิชย์และพลังงาน บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า กำไรจะทรงตัวในปีนี้  

 

ด้าน ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า แม้กำไรไตรมาส 4 ปี 2566 จะออกมาต่ำกว่าคาด แต่ส่วนตัวไม่ได้ให้น้ำหนักมากนัก เพราะเป็นปัจจัยที่เกิดขึ้นไปแล้วในอดีต 

 

สำหรับปี 2567 เราประเมินว่ากำไรจะอยู่ที่ 92 บาทต่อหุ้น และยังคงมองเป้าหมายดัชนี SET ที่ 1,520 จุด 

 

“ปัจจัยลบน่าจะคลายตัวไปแล้ว ตั้งแต่เดือนเมษายนน่าจะเริ่มเห็นการใช้จ่ายของภาครัฐหลังงบประมาณผ่าน แต่จะมีเวลาใช้เพียงแค่ 6 เดือน เท่ากับว่ารัฐบาลจะต้องเร่งใช้จ่ายตามแผน และเป็นตัวเร่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ช่วยให้ตลาดหุ้นกลับมามีสีสัน”  

 

ทั้งนี้ ประเมินว่าหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว (นักท่องเที่ยวฟื้นตัว) สื่อสาร (สงครามราคาคลี่คลาย) ธนาคาร (การตั้งสำรองฯ ลดลง) และรับเหมาก่อสร้าง รวมทั้งวัสดุก่อสร้าง (การใช้จ่ายภาครัฐ) น่าจะกลับมาโดดเด่นได้ในปีนี้ 

 

ส่วนความกังวลว่าเศรษฐกิจไทยจะเกิด Technical Recession คือ GDP ติดลบ 2 ไตรมาสติดต่อกัน หลังจากติดลบไปแล้วในไตรมาส 4 เชื่อว่าจะไม่เกิดขึ้น เพราะช่วงต้นปีนี้มีมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐอย่าง e-Receipt

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising