×

‘หุ้นไทย’ ร่วง 33 จุด ต่างชาติขายปรับพอร์ตเฉียด 3 พันล้านบาท นักวิเคราะห์คาดพรุ่งนี้ลงต่อ หลังสินทรัพย์เสี่ยงถูกลดน้ำหนักลงทั่วโลก

24.02.2022
  • LOADING...
หุ้นไทย

หุ้นไทยร่วง 33 จุด หลังรัสเซียระเบิดสงครามกับยูเครน นักลงทุนต่างชาติขายปรับพอร์ต 2.9 พันล้านบาท นักวิเคราะห์ประเมินหุ้นไทยพรุ่งนี้ร่วงต่อและแกว่งตัวแบบไซด์เวย์ เหตุนักลงทุนลดน้ำหนักลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่อง พร้อมติดตามตัวเลข Core PCE สหรัฐฯ

 

ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (24 กุมภาพันธ์) ปรับตัวลดลงอย่างหนักเช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก รับแรงกดดันจากการเริ่มต้นทำสงครามของรัสเซียและยูเครน โดยดัชนีปิดการซื้อขายที่ 1,662.72 จุด ลดลง 33.73 จุด หรือ 1.99% มูลค่าการซื้อขาย 126,557.78 ล้านบาท 

 

  • โดยสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 1,386.99 ล้านบาท 
  • บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 505.18 ล้านบาท 
  • นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 2,983.70 ล้านบาท 
  • นักลงทุนทั่วไปในประเทศ ซื้อสุทธิ 4,875.86 ล้านบาท 

 

ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า นักลงทุนสถาบันต่างปรับพอร์ตการลงทุน โดยลดน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก หลังจากเกิดสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยตอนนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกเข้าสู่โหมด Risk Off แล้ว ซึ่งตลาดหุ้นไทยก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน สะท้อนจากแรงขายหุ้นใหญ่ในกลุ่มที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นในช่วงก่อนหน้า คือกลุ่มแบงก์ ค้าปลีก และสื่อสาร 

 

“โฟลวที่เข้าตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากมีมุมมองเชิงบวกเรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและสถานการณ์โควิดที่ไม่รุนแรง ซึ่งนักลงทุนต่างชาติส่วนมากไม่คาดการณ์ว่าจะเกิดสงครามขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ เมื่อเกิดสงครามขึ้นจริง เริ่มมีการปะทะกัน ต้องเปิดโหมด Risk Off และลดน้ำหนักลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก” ณัฐพลกล่าว 

 

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลกระทบจากภาวะสงครามจำกัด ซึ่งในอดีตก็เป็นเช่นนั้น โดยวันนี้แม้หุ้นไทยจะปรับลงเยอะ แต่หากเทียบตั้งแต่ต้นปีแล้วยังเป็นบวกอยู่ ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยบวกจากเรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวผลักดันอยู่ 

 

สำหรับแนวโน้มวันพรุ่งนี้ (25 กุมภาพันธ์) ประเมินว่าดัชนีจะปรับลดลงต่อแต่ไม่รุนแรง​ โดยจะแกว่งตัวออกด้านข้าง (Sideway) มีแนวรรับที่ 1,650 จุด และ 1,630 จุด โดยนักลงทุนยังเกาะติดสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครนต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน เย็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์ จะมีการประกาศตัวเลข Core PCE ของสหรัฐฯ ประจำเดือนมกราคม ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 5.1% จากเดือนธันวาคมที่อยู่ในระดับ 4.9% โดยหากตัวเลขเดือนมกราคมสูงกว่าคาดการณ์ ตลาดจะกลับมากังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed อีกครั้ง 

 

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวในงานเสวนา ‘รัสเซีย-ยูเครน ส่อปะทุ ผู้ลงทุนควรตั้งรับอย่างไร’ จัดโดยสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ว่านักลงทุนไม่ควรตื่นตระหนกสถานการณ์รัสเซียประกาศสงครามกับยูเครนมากจนเกินไป และควรมองเป็นโอกาสในการเลือกซื้อหุ้นในธีมเศรษฐกิจฟื้น และคาดว่าเงินต่างประเทศยังคงไหลเข้ามาลงทุนในหุ้นไทย

 

โดยในเชิงเศรษฐกิจ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนมีผลกระทบเชิงเศรษฐกิจต่อประเทศไทยไม่มากนัก เนื่องจากประเทศไทยเป็นคู่ค้าลำดับที่ 26 ของรัสเซีย โดยมีสัดส่วนการค้า 0.8% ซึ่งการส่งออกส่วนใหญ่ของประเทศไทยคือ กลุ่มยานยนต์ ชิ้นส่วน เครื่องจักร และผลิตภัณฑ์ยางต่างๆ

 

ขณะที่มีนักท่องเที่ยวจากรัสเซียที่เข้ามายังประเทศไทยคิดเป็น 3.77% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็นราว 5.37% ของรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับไทยค่อนข้างจำกัดหากสถานการณ์ไม่ลุกลามขยายวงไปเป็นสงครามโลก ซึ่งเบื้องต้นเชื่อว่าโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก

 

โดยหากประเมินจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีตช่วงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ – 26 มีนาคม 2557 มีผลกระทบต่อดัชนีตลาดหุ้นรัสเซีย และตลาดหุ้นในประเทศพัฒนาแล้ว แต่กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่หรือในเอเชียไม่ได้รับผลกระทบมากนัก

 

“ดังนั้นหุ้นไทยระยะสั้นอาจจะเห็นตลาดปรับลดลงมาบ้างแต่ไม่น่าจะหลุด 1,650 จุด และยังคงเป้าหมายดัชนีปีนี้ โดยพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐาน ดัชนีฐานอยู่ที่ 1,810 จุด และดีที่สุด 1,860 จุด” เทิดศักดิ์กล่าว

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising