ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นวันนี้ (30 มิถุนายน) ดัชนี SET ปิดที่ 1,568.33 จุด ลดลง 17.85 จุด หรือ 1.13% จากวันก่อนหน้า สอดคล้องกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ที่โลกที่ปรับตัวลดลงในวันนี้ โดยตลาดหุ้นสำคัญในฝั่งเอเชีย เช่น ไต้หวัน -2.7%, เกาหลีใต้ -1.9%, ญี่ปุ่น -1.5%, ฮ่องกง -0.6%, อินโดนีเซีย -0.4% ส่วนตลาดหุ้นจีนปรับขึ้นสวนทาง +1.5% ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปที่เปิดทำการในช่วงบ่าย (ตามเวลาประเทศไทย) ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง 1.5-2.5%
ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า ปัจจัยกดดันต่อตลาดหุ้นไทยยังเป็นเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัวและความกลัวต่อภาวะถดถอยเช่นเดิม โดยเฉพาะเมื่อดูสัญญาณของตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในอนาคตที่ทิ้งดิ่งลงมาในช่วงเช้านี้ ทั้งๆ ที่ตัวเลขเงินเฟ้อยังทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
“ตัวเลขที่ออกมาทำให้คนมองภาพแย่ลงในอนาคต และต้นตอสำคัญน่าจะมาจากเวทีประชุมของบรรดาธนาคารกลางต่างๆ ที่โปรตุเกสเมื่อวานนี้ ซึ่งมองว่าเงินเฟ้อจะยังคงสูงและการเติบโตจะชะลอลง”
ช่วงไตรมาส 3 จะเห็นการเปลี่ยนผ่านความกังวลจากเรื่องเงินเฟ้อไปสู่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวมากขึ้น และน่าจะเกิดการย้ายเงินลงทุนจากสินทรัพย์เสี่ยงไปสู่พันธบัตรระยะยาวมากขึ้น
ล่าสุดบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ 10 ปี ลดลงมาอยู่ที่ 3.05% จากช่วงเช้าที่ 3.10% ถือเป็นสัญญาณเบื้องต้นของการโยกย้ายเม็ดเงิน และน่าจะเห็นภาพแบบนี้ต่อไปอีกสักระยะตลอดช่วงครึ่งแรกของไตรมาส 3
“เราจะเห็นตัวเลขเงินเฟ้อออกมาสูงแน่ๆ และจะทำจุดสูงสุดใหม่ต่อ ซึ่งบรรดาธนาคารกลางต่างๆ ก็ส่งสัญญาณออกมาว่าจะต้องทำให้เงินเฟ้อลดลงให้ได้ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไรก็ตาม ซึ่งจะนำไปสู่การขึ้นดอกเบี้ยแบบสุดโต่ง และในอดีตที่ผ่านมาเศรษฐกิจมักจะไปไม่รอดเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้”
นอกจากนี้อีกความเสี่ยงที่ต้องจับตาคือ ประเด็นเกี่ยวกับการประชุมของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ช่วงเย็นนี้ (17.00 น.) ซึ่งก่อนหน้านี้ตลาดมีความกังวลว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของดอกเบี้ยหรือไม่
ณัฐชาตกล่าวต่อว่า หากดูจากประโยคที่สื่อสารออกมาจาก ธปท. คือ “การปรับทิศทางการดำเนินมาตรการทางการเงินภายใต้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง” เราอาจจะพิจารณาได้เป็น 2 ส่วน คือ “การปรับทิศทางการดำเนินมาตรการทางการเงิน…” ในส่วนนี้ ธปท. ออกมาปฏิเสธแล้วว่าไม่ได้เป็นประเด็นเกี่ยวกับดอกเบี้ย เพราะฉะนั้นคงจะเป็นการประชุมในเรื่องของมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้
ส่วนประโยคหลังคือ “…ภายใต้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง” อาจจะอนุมานได้ว่า ในความเห็นของ ธปท. มองว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว จึงอาจเป็นไปได้ว่าจะเริ่มเห็นการลดระดับการช่วยเหลือ และมาตรการไหนสิ้นสุดก็อาจจะไม่ต่ออายุออกไป
“ประเด็นนี้อาจเป็นอีกเหตุผลที่กดดันตลาดหุ้นไทยวันนี้ และหากผลการประชุมออกมาในโทนที่ว่าจะลดระดับการช่วยเหลือลง หากตลาดยังไม่ได้รับรู้ประเด็นนี้เข้าไป ก็มีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะถูกกดดันต่อได้ในวันพรุ่งนี้ โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ที่อาจจะถูกกระทบ เพราะหนี้เสียต่างๆ ที่ดูเหมือนจะดีขึ้นก่อนหน้านี้ หากมาตรการสิ้นสุดลงไปก็อาจเห็นหนี้เสียเพิ่มขึ้น”
ทั้งนี้ภาพรวมของดัชนี SET มีโอกาสจะหลุดลงไปต่ำกว่า 1,544 จุด ซึ่งเป็นจุดต่ำของรอบล่าสุด ขณะนี้ยังไม่เห็นปัจจัยบวกเข้ามา ทำให้ตลาดมีแนวโน้มจะวิ่งลงไปหามูลค่าพื้นฐาน โดยเราประเมินแนวรับแรกที่บริเวณ 1,500-1,530 จุด ส่วนระดับที่ค่อนข้างปลอดภัยจะอยู่ในช่วง 1,460-1,530 จุด
“กลุ่มหุ้นที่มีแนวโน้มจะลดลงต่ำกว่าตลาดในช่วงนี้จะยังเป็นกลุ่ม Defensive เช่น การแพทย์ สินค้าจำเป็น และสาธารณูปโภค ส่วนกลุ่มท่องเที่ยวเป็นธีมที่น่าสนใจ แต่ Valuation ค่อนข้างตึงตัว”
ขณะที่ บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ระบุว่า ในช่วงเช้ามีแรงขายออกมาหลังดัชนีหลุด 1,580 จุด จากแรงกดของกลุ่มพลังงานและสื่อสาร แต่มีแรงหนุนจากกลุ่มโรงพยาบาลและท่องเที่ยว เรามองว่าหากดัชนีปรับขึ้นน่าจะอยู่ในกรอบจำกัด เพราะแรงกดจากผลประกอบการไตรมาส 2 ที่คาดว่าจะออกมาไม่ดีนัก โดยไม่มีหุ้นกลุ่มไหนโดดเด่น ประกอบกับแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ
ดังนั้นกรอบที่ดัชนี SET ขึ้นได้มากที่สุดยังไม่น่าจะทะลุ 1,600 จุด การซื้อขายในช่วงนี้น่าจะเน้นการเล่นสั้นในกลุ่มหลักที่มีประเด็นน่าสนใจ เรามองว่าแนวโน้มของตลาดหุ้นยังเต็มไปด้วยแรงกดดัน
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP