วานนี้ (1 มีนาคม) เลิฟ-เนตรชนก พรมขาว และ ดิมาก สามีชาวยูเครนของเธอที่อาศัยอยู่ในยูเครน ให้สัมภาษณ์ในรายการ THE STANDARD NOW ถึงชีวิตที่ต้องอยู่กับความตึงเครียดในสถานการณ์ยูเครน-รัสเซียนั้นเป็นอย่างไรบ้าง หลังรัสเซียบุกกรุงเคียฟสู่วิกฤตอพยพ
โดยเนตรชนกบอกว่า สถานการณ์ค่อนข้างตึงเครียด ยิ่งร้ายแรง อย่างที่เห็นภาพจากเมืองคาร์คีฟ มีจรวดมิสไซล์ยิงไปที่อาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนเป็นอย่างมาก ส่วนสถานการณ์ที่เมืองลวีฟตอนนี้ส่วนตัวคิดว่ายังปกติกว่า เมื่อเทียบกับเมืองคาร์คีฟและกรุงเคียฟ แต่ผู้คนในพื้นที่ไม่คิดอย่างนั้น เพราะทุกครั้งที่มีเสียงสัญญาณเตือนภัย ทุกคนต้องเข้าไปหลบในหลุมหลบภัย ซึ่งมันจะดัง 4-5 รอบต่อวัน แต่คนส่วนใหญ่จะเลือกทางปลอดภัยที่มากกว่าด้วยการเดินทางไปยังประเทศโปแลนด์
ส่วนประเด็นการออกกฎเกณฑ์ให้ชายชาวยูเครนต้องไปออกรบหรือไม่นั้น เนตรชนกระบุว่า ตอนนี้กฎหมายที่มีออกมาคือห้ามชายชาวยูเครนอายุ 18-60 ปี ออกนอกประเทศ แต่ยังไม่มีการบังคับออกไปรบ เพราะตอนนี้มีทหารอาสาจากหลายประเทศเข้ามาช่วยเหลือ
ตอนนี้มีการสื่อสารกับคนไทยด้วยกันผ่านไลน์กลุ่มที่สถานทูตจัดไว้ให้ ซึ่งขณะนี้ในกรุ๊ปมีคนไทยในยูเครนราว 200 คน โดยในจำนวนนี้มีบินกลับเมืองไทยแล้ว 60 คน บางส่วนก็ออกจากยูเครนถึงโปแลนด์แล้ว และอีกกลุ่มคือคนที่กำลังทยอยเดินทางจากกรุงเคียฟและเมืองคาร์คีฟมาเมืองลวีฟ
ส่วนความเป็นอยู่ปัจจุบันของเนตรชนกและดิมาก ทางเนตรชนกบอกว่า ตอนนี้มีครอบครัวคนไทยด้วยกันช่วยเหลือให้ไปอยู่ในอพาร์ตเมนต์ของเขาก่อน ส่วนเรื่องแผนการหลังจากนี้ เธอยอมรับว่าเป็นสถานการณ์ที่ลำบาก เพราะสามีไม่สามารถออกนอกประเทศได้ บวกกับปัญหาทางการเงินที่ไม่สามารถกลับไปทำงานและรับเงินได้เหมือนอย่างเดิม เป็นสิ่งที่สร้างความหนักใจให้เธอและสามีเป็นอย่างมาก และถึงตอนนี้ มีคนไทยจากอีก 19 ครอบครัวที่ยังต้องอยู่ยูเครนด้วยเหตุผลเดียวกัน
ขณะเดียวกัน มีการถามต่อถึง ดิมาก สามีชาวยูเครน เกี่ยวกับความรู้สึกที่มีต่อประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี โดยดิมากบอกว่า ด้วยความที่เซเลนสกีผันตัวมาจากการเป็นนักแสดงตลกชื่อดังสู่การเป็นประธานาธิบดี ในช่วงแรกไม่ค่อยมีผู้คนเชื่อถือ แต่วันนี้ทุกคนรักและเชียร์ผู้นำยูเครนคนนี้เป็นอย่างมาก
ส่วนความเห็นในฐานะประชาชนชาวยูเครนกับประเด็นข่าวการขอเข้าร่วมสหภาพยุโรป (EU) ของยูเครน คิดว่าจะเป็นการช่วยเหลือประเทศท่ามกลางภาวะวิกฤตได้มากน้อยเพียงใดนั้น ดิมากบอกว่า ส่วนตัวไม่คิดว่าจะช่วยได้มากเท่าไรนัก เพราะนาทีนี้คิดว่าประธานาธิบดีพยายามทำทุกอย่างเพื่อปกป้องยูเครน แต่ขณะเดียวกัน หลายสิ่งเกิดขึ้นจากการตัดสินใจหรือทำอะไรอย่างพลการ และสิ่งที่ทำเหมือนเป็นการลุ้น หวังให้เกิดปาฏิหาริย์ แต่ยังคงให้กำลังใจต่อเซเลนสกีต่อไป
ส่วนเป้าหมายหลังจากนี้ เนตรชนกบอกว่า ตอนนี้เน้นการเอาตัวรอดจากภาวะที่เกิดขึ้นเป็นหลัก ซึ่งไม่สามารถทราบได้ว่าสงครามจะจบเมื่อไหร่ และหวั่นใจมากว่า ฝั่งรัสเซียจะยิงขีปนาวุธมายูเครนอีกตอนไหน เพราะไม่อาจเดาใจ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซียได้เลย
ทั้งนี้ เนตรชนกกล่าวเสริมว่า แม้เมืองลวีฟจะมีสภาพปกติกว่าหลายเมืองที่ถูกโจมตี แต่การมีป้อมทหาร ไม่รู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะเมืองที่มีป้อมทหารลักษณะนี้จะอันตราย
อ้างอิง:
