วันนี้ (17 กุมภาพันธ์) กัณวีร์ สืบแสง สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงกรณีการลงพื้นที่ของ หลิวจงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมาถึงอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เมื่อวานนี้ (16 กุมภาพันธ์) พร้อมทั้งเดินทางไปยังเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมาด้วย
กัณวีร์ทำนายผลจุดจบและทางออกของรัฐบาลชุดนี้ที่กำลังดำเนินการต่อการเผชิญหน้ากับแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติคอลเซ็นเตอร์ ขบวนการนำพาและค้ามนุษย์ โดยดูจากสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงหลายๆ สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีความเละเทะ ปัดความรับผิดชอบ และแก้ปัญหาความมั่นคงแบบเงียบๆ
“ตงิดตั้งแต่ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงฯ จีนเดินทางมาไทยเพื่อผ่านไปดูสถานที่ที่เมียวดี เมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมาแล้วว่ายังไงอยู่ รู้ครับว่าฝ่าดงกระสุนจากย่างกุ้งมาชายแดนไม่ได้ เลยต้องทำเป็นรักสามเส้าบินเข้าไทยแล้วข้ามชายแดนไปเมียวดี ไปคุยกับทหารเมียนมา BGF และ DKBA ที่นั่นด้วย ไทยนิ่งๆ ไม่พูดอะไรเพราะเป็นความมั่นคงแบบเงียบๆ (Quiet National Security)”
กัณวีร์กล่าวว่า การรับคนเข้ามาตามแนวชายแดน บอกว่าคนเหล่านี้หนีมาเองแล้วมาถึงชายแดนได้จึงให้ความช่วยเหลือ ผู้ใดเป็นคนชายแดนที่ทำงานด้านเมียนมาในพื้นที่ควบคุมโดยกองกำลังต่างๆ คงจะคิดภาพออกว่าทำได้จริงหรือไม่
“การส่งสัญญาณจากจเรตำรวจแห่งชาติหลังจากที่มีการส่งตัว 260 คนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการค้ามนุษย์ให้ทางการไทยจาก DKBA แล้วจเรตำรวจบอกว่ามีแค่ 1 คน จาก 260 คนที่เป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ ขอย้ำนะครับ 1 คน ข่าวลงไปหลายที่แล้วสับสนครับ”
กัณวีร์มองว่าเป็นสัญญาณแปลกๆ ที่ตำรวจออกมาเหมือนชี้ให้เห็นอะไรบางอย่าง และถูกตอกย้ำโดยการกล่าวของผู้การตำรวจไซเบอร์ว่า จาก 260 คนนั้นมีคนเดียว และอ้างถึงว่าผู้อำนวยการศูนย์สั่งการชายแดน จังหวัดตาก (ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก) เป็นคนพูด แต่สุดท้ายท่านผู้ว่าฯ ตาก ก็ยืนยันว่าท่านไม่เคยพูดคำนี้ ต้องรอกระบวนการคัดแยกเหยื่อเสร็จก่อน
“ตำรวจนี่ทำอะไรรีบร้อนจนสังคมเห็นมาหลายทีแล้ว คราวนี้จึงเป็นตัวชี้วัดอีกอันหนึ่งที่ดีว่า ทั้งจเรตำรวจและผู้การไซเบอร์ ผู้หลักผู้ใหญ่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาชี้นำขนาดนี้ คงต้องเป็นสัญญาณใบไม้ไหวจากรัฐบาลบางอย่างแน่นอน”
กัณวีร์กล่าวด้วยว่า หลิวจงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงฯ จีน มาไทย ไปแม่สอดอีก ไปดูสถานที่ต่างๆ ว่ารับคนมาแล้วจะไว้ที่ไหน กระบวนการอย่างไร ทั้งที่ฟังรักษาการผู้กำกับการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแจ้งถึงกระบวนการว่าต้องผ่านอะไรบ้าง ไปอยู่ตรงไหน แต่ไม่สนใจ บอกแต่ว่าจะส่งเครื่องบินมารับชาวจีนที่แม่สอดอย่างที่เคยทำมาแล้วในปี 2567
“พูดเสร็จก็นั่งรถข้ามสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 1 เข้าเมียนมาไปพบรัฐมนตรีเมียนมาทันที แค่นี้ก็เห็นชัดครับ ไทยเป็นทางผ่านทั้งขบวนการนำพาเพื่อล่อและหลอกลวงคนไปเป็นสแกมเมอร์ในเมียนมา ทั้งเป็นทางผ่านของคนจีนที่เป็นเจ้าของและพวกขบวนการระดับหัวหน้า และมาเฟียที่ฝึกอาวุธเพื่อเป็นการ์ดนับพันๆ คนของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขบวนการนำพาและค้ามนุษย์ทั้งหมด”
กัณวีร์ระบุว่า แค่นั้นยังไม่พอ ไทยยังเป็นประเทศทางผ่านให้รัฐบาลจีนเข้าไปดีลกับรัฐบาลทหารเมียนมาเพื่อทำการจัดส่งกลุ่มคนเหล่านี้ ทั้งหัวหน้า นักลงทุน และมาเฟียต่างๆ เพื่อทำการส่งกลับจีนโดยไม่ต้องผ่านไทยถ้าทำได้
“จีนจะทำทุกอย่างให้เมียนมาส่งคนจีนกลับไปจีนโดยตรงทันที นี่คือสิ่งที่จีนปรารถนาสูงสุด แต่คงยากสุดเพราะสนามบินฝั่งเมียนมาไม่มี จะลงพื้นที่ของกองพัน 275 ของทหารเมียนมาก็เล็กเกินสำหรับเครื่องบินลำเลียง แถมสุ่มเสี่ยงโดนสอยจากกองกำลังแถวนั้นอีก หรือถ้าจะมีสนามบินที่เคยใช้ก็ต้องไปที่พะอัน แต่กว่าจะพาคนจีนฝ่าด่านทหาร KNU กับ KNLA เข้าไปยากมาก”
กัณวีร์ย้ำว่า ฉากทัศน์ถัดไปจีนดีลเมียนมาเสร็จแล้วก็จะดีลกับไทยว่า ขอเอาเครื่องมาลงสนามบินแม่สอดเหมือนที่เคยมา แล้วเอาตัวกลับจีนเพื่อไปรับโทษทัณฑ์ที่บ้านเกิดเมืองนอน
กัณวีร์เน้นย้ำว่า พวกนี้คือพวกค้ามนุษย์และกระทำผิดกฎหมายอาญาไทยโดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านเข้าไปกระทำผิด และรู้ทั้งรู้ว่าจะเข้าไปเป็นมาเฟียทำร้ายคน สั่งการให้ทำร้ายคน สั่งการให้หลอกลวงคน จะไม่ถูกดำเนินคดีใดๆ เลยหรืออย่างไร ดินแดนไทยที่กลุ่มคนเหล่านี้ใช้ในการกระทำอาชญากรรมข้ามชาติจะไม่ถูกนำมาดำเนินคดีโดยกฎหมายไทยเลยใช่หรือไม่
กัณวีร์กล่าวว่า เรื่องนี้คงมีความคิดทั้งสองฝ่ายว่า รีบเอาออกไปเถอะ จะไปดูแลทำไมให้อยู่ในไทยก็เปลืองภาษีคนไทยในคุกอีก ข้าวก็ไม่ต้องเลี้ยง แถมคุกเรายังแน่นอีก ให้กลับไปประเทศเขาดูแลกันเองดีแล้ว อีกความคิดหนึ่งมองว่า ในเมื่อทำผิดกฎหมายไทยโดยใช้ไทยเป็นทางผ่าน จะปล่อยไปโดยไม่เคารพกฎหมายที่มีอยู่เลยหรือ
“ต่อไปใครมาขอคนของเขากลับไป ไทยก็หันหลังแล้วบอกว่า เอาไปเลยครับคุกผมเต็ม ผมไม่มีเงินเลี้ยงข้าวในคุกด้วยครับ ทั้งๆ ที่ทำผิดกฎหมายไทยอย่างนี้ ขนาดลูกเรือประมงไทยไปทำผิดกฎหมายเมียนมายังต้องติดคุกให้เสร็จเสียก่อนแล้วถึงส่งกลับไทย นี่คนเป็นคนหลักพันใช้ไทยเพื่อหาเงินหลักแสนล้าน เราปล่อยง่ายๆ ไม่ได้ อธิปไตยไทยอยู่ไหน”
กัณวีร์กล่าวว่า ลองดูว่าจะเป็นตามนี้หรือไม่ ปล่อยจีนเข้าๆ ออกๆ ไทยไปดีลเมียนมา เราไม่รู้อะไรเลย ถ้าเป็นจริงตามที่คาดการณ์นี้ ก็จะเป็นการสมรู้ร่วมคิดระหว่างไทยกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขบวนการนำพาและค้ามนุษย์หรือไม่ และยังมีฉากทัศน์ของกลุ่มที่ได้รับผลกระทบและเรียกร้องขอชีวิต แต่สุดท้ายไทยจะผลักพวกเขาเข้าไปจนมุมจนกระทั่งคนที่ตกหลุมพรางจะกลายเป็นเหยื่อที่ไม่ได้รับการเหลียวแลใดๆ