×

กลุ่มไทยไม่ทน บุกทำเนียบฯ ยื่นหนังสือให้ ‘พล.อ. ประยุทธ์’ ลาออก หลังบริหารประเทศ 7 ปีล้มเหลว

โดย THE STANDARD TEAM
25.05.2021
  • LOADING...
กลุ่มไทยไม่ทน

วันนี้ (25 พฤษภาคม) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ใกล้ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มไทยไม่ทน ‘คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย’ นำโดย อดุลย์ เขียวบริบูรณ์, จตุพร พรหมพันธุ์, วีระ สมความคิด เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอให้ลาออกจากตำแหน่ง โดยมี สมพาศ นิลพันธ์ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมารับหนังสือดังกล่าวแทน 

 

จตุพรกล่าวว่า สำหรับหน้าที่ของนายกฯ จะต้องดำรงอยู่เพื่อปกป้องสถาบันฯ หยุดข่าวลือต่างๆ ที่ทำให้สถาบันฯ เสื่อมเสีย แต่ พล.อ. ประยุทธ์ ไม่มีการกระทำการใดๆ เหมือนนายกฯ คนอื่นๆ ที่ผ่านมา อีกทั้งยังใช้สถาบันฯ ปกป้องตนเอง รวมไปถึงใช้กฎหมายอาญามาตรา 112 ในการทำลายปฏิบัติทางการเมือง ใช้แบล็กเมลคนอื่นโดยแจ้งความในคดีดังกล่าว และหากคนผู้นั้นยินยอมทำตามจึงจะถอนแจ้งความ ทั้งที่ทางกฎหมายไม่สามารถกระทำอย่างนั้นได้ 

 

นับตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 นายกฯ ยังมีการรวบอำนาจจากทุกส่วนเพื่อนำมาแก้ไข แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถทำได้ นอกจากนี้ยังพบว่าเป็นนายกฯ ที่ใช้เงินมากที่สุด กู้เงินมากที่สุด การที่นายกฯ ได้รับวัคซีนครบแล้ววันนี้หมอและรัฐมนตรีร่วมปรบมือแสดงความยินดี แสดงให้เห็นว่านายกฯ เองไม่มีภาวะผู้นำ เพราะคนไทยยังฉีดไม่ครบเลย เปรียบเสมือนการขึ้นเรือ ที่เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ผู้นำกลับกระโดดขึ้นเรือเพื่อเอาตัวรอดก่อน 

 

สำหรับเนื้อหาในหนังสือที่นำมายื่น ระบุว่า จากสถานการณ์บ้านเมืองภายใต้การบริหารประเทศของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่สืบเนื่องมาเป็นเวลา 7 ปี แต่เหตุของการทำรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ก็ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้นั้น

 

1. การปฏิรูปประเทศล้มเหลว ไม่ปรากฏรูปธรรม เป็นเพียงแค่ผลการศึกษาและยุทธศาสตร์ชาติที่ไม่เข้ากับยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ฉับไวและมีพลวัตร

 

2. การสร้างความปรองดอง ปัจจุบันความขัดแย้งทางความคิดการเมืองยังคงเป็นไปอย่างรุนแรง และมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น จนเกรงว่าจะนำไปสู่ความรุนแรงมากกว่าเหตุการณ์ความขัดแย้งของคนในชาติทุกครั้งที่ผ่านมา

 

3. ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน มีพัฒนาการในทางเสื่อมถอยอย่างต่อเนื่อง คะแนนดัชนีรับรู้การทุจริตของไทยที่จัดอันดับโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) ประเทศไทยตกต่ำ ตกอันดับต่อเนื่อง โดยปี 2563 อยู่อันดับที่ 104 จาก 180 ประเทศ

 

4. ปัญหาเศรษฐกิจและความเหลื่อมล้ำ 7 ปี รัฐบาลใช้งบประมาณแผ่นดิน 20.8 ล้านล้านบาท แต่ตัวเลขคนจนยังพุ่งสูงขึ้น 100% ประชาชนกำลังเผชิญความทุกข์ยาก ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตโควิด-19 ปัญหาเศรษฐกิจทั้งในระดับครัวเรือนและมหภาค

 

5. การละเมิดสถาบันฯ ยังเป็นปัญหาที่แบ่งแยกประชาชน โดยเฉพาะบุคคลในอำนาจรัฐและบริวาร เครือข่ายกลับแอบอ้างเพื่อแสวงหาประโยชน์เข้าตัวเองและพวกพ้อง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในอำนาจมานาน 7 ปี แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้ นอกจากไม่สามารถแก้ไขปัญหา กลับยิ่งทำให้ย่ำแย่ไปกว่าเดิม สถานการณ์ก่อนที่จะมีการทำรัฐประหาร วงจรอุบาทว์ทางการเมืองได้กลายพันธุ์จนโครงสร้างอำนาจรัฐที่เป็นอยู่ขณะนี้ไม่เอื้อต่อการแก้ปัญหา เนื่องจากหลักคิดและกลไกการทำงานที่ติดกับลักษณะรัฐราชการเพียงลำพัง 

 

นอกจากนี้ กติกา กฎหมายโครงสร้างของประเทศบิดเบี้ยว ทั้งเรื่องของรัฐธรรมนูญที่ถูกมองว่าร่างขึ้นเพื่อสืบทอดอำนาจ ระบบเลือกตั้งที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายสับสน องค์กรอิสระถูกแทรกแชง ระบบยุติธรรมถูกทำลาย ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเกิดความขัดแย้งรุนแรงได้ในระยะอันใกล้นี้

 

ขณะเดียวกันการบริหารประเทศในภาวะวิกฤตโควิด-19 รัฐบาลก็ล้มเหลว ไม่สามารถควบคุมจนโรคร้ายได้ขยายลุกลามทั่วประเทศ โดยมีผู้ติดเชื้อไม่ต่ำกว่าวันละ 6,000 ราย และคร่าชีวิตคนไทยไปเป็นจำนวนมาก ทั้งเรื่องของการจัดหาวัคซีนที่ล่าช้า รวมไปถึงการบริหารจัดการฉีดวัคซีนที่ได้รับมาแล้วอย่างไม่มีประสิทธิภาพ จนสร้างความสับสนไปทั่ว

 

ณ เวลานี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีลักษณะระดมพลังแห่งแผ่นดินทุกภาคส่วน ทั้งราชการ เอกชน พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ทรงคุณวุฒิในทุกวงการ ซึ่งการระดมพลังดังกล่าวจะเป็นไปได้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลาออกจากตำแหน่งนายกฯ เพื่อเปิดโอกาสให้กลไกครรลองประชาธิปไตยเลือกนายกฯ คนใหม่เข้ามาบูรณาการพลังแห่งแผ่นดินทุกภาคส่วน ร่วมกันพาประเทศให้พ้นวิกฤตครั้งนี้ 

 

คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทยจึงขอให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ เพื่อเปิดโอกาสให้กระบวนการประชาธิปไตยได้สร้างพลังแห่งแผ่นดิน ร่วมกันฟื้นฟูเยียวยาประเทศให้พ้นวิกฤตครั้งสำคัญนี้

 

ด้าน วีระ สมความคิด ระบุว่า ตนเองยืนยันมาตลอดว่าต้องการให้ พล.อ. ประยุทธ์ ลาออก เพื่อให้การเมืองเป็นไปตามระบบประชาธิปไตย โดยขอให้ทุกคนไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีคนที่เหมาะสมมาเป็นนายกฯ เพราะ หาก พล.อ. ประยุทธ์ ลาออก ก็จะมีการเลือกตั้งใหม่อยู่ดี ซึ่งจะเป็นการเลือกตั้งที่เป็นไปตามหลักประชาธิปไตย อีกทั้งไม่ต้องกลัวว่าการแก้ปัญหาโควิด-19 ตอนนี้จะหยุดชะงัก เพราะแม้ พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกฯ อยู่ก็ไม่ได้แก้ปัญหา แต่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ตางหากที่ต่อสู้กับโควิด-19 อยู่ 

 

โดยในวันที่ 26 พฤษภาคม เวลา 16.00 น. กลุ่มไทยไม่ทนจะเดินทางไปยื่นหนังสือที่พรรคภูมิใจไทย วันที่ 27 พฤษภาคม เวลา 10.00 น.ไปกองทัพบก และวันที่ 28 พฤษภาคม เวลา 10.00 น. ไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 

กลุ่มไทยไม่ทน

กลุ่มไทยไม่ทน

กลุ่มไทยไม่ทน

กลุ่มไทยไม่ทน

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising