×

บาทแข็งค่าแตะ 34.53 บาทต่อดอลลาร์ หลัง Fed ชะลอความเร็วขึ้นดอกเบี้ยตามคาด จับตาแรงขายทำกำไรต่างชาติอาจกดดันให้อ่อนค่าในระยะสั้น

15.12.2022
  • LOADING...
บาทแข็งค่า

ค่าเงินบาทเช้านี้ (15 ตุลาคม) เปิดที่ระดับ 34.53 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ 34.57 บาทต่อดอลลาร์ หลังธนาคารกลางสหรัฐหรือ Fed เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในอัตราชะลอลง +0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ตามที่ตลาดคาด 

 

อย่างไรก็ดี แนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องและคงดอกเบี้ยที่ระดับสูงกว่า 5.00% ในปีหน้า เพื่อจัดการปัญหาเงินเฟ้อของ Fed กลับเป็นสิ่งที่สวนทางกับคาดการณ์ของผู้เล่นในตลาดที่มองว่า Fed อาจทยอยลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 4.50% ได้ในช่วงปลายปีหน้า ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนและปรับตัวลดลง นำโดยดัชนีหุ้นเทค Nasdaq ปรับตัวลดลง -0.76% ส่วนดัชนี S&P 500 ปิดตลาด -0.61%


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ของยุโรป ย่อตัวลงเล็กน้อย -0.02% เนื่องจากผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างรอจับตาผลการประชุมของ Fed รวมถึงผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ทั้งนี้ โดยรวมผู้เล่นในตลาดมีความระมัดระวังตัวมากขึ้น และเลือกที่จะเข้าถือหุ้นกลุ่ม Defensive อาทิ กลุ่ม Healthcare (Novartis +1.6%, Sanofi +1.2%) หรือกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค อย่าง Nestle +1.4%m, Unilever +1.1% ส่วนหุ้นเทคและหุ้นสไตล์ Growth กลับเผชิญแรงขายออกมาบ้าง อาทิ ASML -1.3%

 

ขณะที่ตลาดบอนด์ ภาพตลาดการเงินโดยรวมที่ปิดรับความเสี่ยง หลังรับรู้ผลการประชุม Fed รวมถึงความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ของบรรดานักลงทุน หลัง Fed มีการปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตเศรษฐกิจ และปรับเพิ่มอัตราการว่างงานสูงขึ้นในปีหน้า ทำให้ผู้เล่นส่วนใหญ่อาศัยจังหวะที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 3.70% ระหว่างรับรู้ผลการประชุม Fed เพื่อเพิ่มสถานะการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น ส่งผลให้สุดท้าย บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 3.50%

 

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนหนัก โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม Fed ก่อนที่จะย่อตัวลงกลับสู่ระดับก่อนรับรู้ผลการประชุม Fed หลังผู้เล่นในตลาดประเมินว่า แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีทิศทางชะลอตัวลงชัดเจนมากขึ้น หาก Fedเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยตามคาด ในอัตราการขึ้นดอกเบี้ยที่ชะลอลง 

 

โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ย่อตัวลงใกล้ระดับ 103.7 จุด นอกจากนี้ ความผันผวนของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ส่งผลให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์) เคลื่อนไหวผันผวนเช่นกัน โดยราคาทองคำมีการย่อตัวลงในช่วงแรกที่ตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม Fed ก่อนที่จะสามารถปรับตัวขึ้นกลับสู่ระดับ 1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้อีกครั้ง ตามการย่อตัวลงของเงินดอลลาร์และภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาด

 

พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย ระบุว่า ในวันนี้นอกเหนือจากผลการประชุม Fed ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางหลัก ทั้ง ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) โดยมองว่า แม้โดยรวมภาพเศรษฐกิจยุโรป (ยูโรโซนและอังกฤษ) จะชะลอลงชัดเจน แต่ปัญหาที่สำคัญคือ อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงถึง 10% ซึ่งจะทำให้ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) อาจเลือกเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง แต่ในอัตราชะลอลง (+50bps จาก +75bps) ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบาย Deposit Facility Rate ของ ECB ปรับขึ้นสู่ระดับ 2.00% ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบาย Bank Rate ของ BOE ก็จะปรับขึ้นสู่ระดับ 3.50% 

 

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะจับตาแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) รวมถึงรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) และยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานต่อเนื่อง (Continuing Claims) ส่วนในฝั่งเอเชีย ตลาดคาดว่าผลกระทบจากการระบาดของโควิดในช่วงที่ผ่านมาจะกดดันให้เศรษฐกิจจีนโดยรวมซบเซาหนักในเดือนพฤศจิกายน โดยยอดค้าปลีก (Retail Sales) อาจหดตัวกว่า -3.9%y/y เป็นต้น 

 

อย่างไรก็ตาม ตลาดประเมินว่าข้อมูลเศรษฐกิจจีนดังกล่าวอาจผ่านจุดเลวร้ายสุดไปแล้ว หลังล่าสุดทางการจีนได้ทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดโควิดเพิ่มเติม นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างเริ่มคาดหวังว่า เศรษฐกิจจีนจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้นชัดเจนในปีหน้า หากทางการจีนสามารถผ่อนคลายมาตรการ Zero-COVID ได้ในที่สุด

 

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท มองว่าแม้เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นบ้างในช่วงเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และโฟลวขายทำกำไรทองคำ อย่างไรก็ดีเรามองว่า เงินบาทมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนในฝั่งอ่อนค่าบ้าง หากบรรยากาศในตลาดการเงินเอเชียพลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงบ้าง เช่นเดียวกับในฝั่งตลาดการเงินสหรัฐฯ ซึ่งเราอาจเห็นแรงขายทำกำไรหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติได้บ้าง นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติบางส่วนก็อาจทยอยขายทำกำไรบอนด์ไทยทั้งระยะสั้นและระยะยาวเพิ่มเติมได้ หลังบอนด์ยีลด์ไทยได้ปรับตัวลงมาพอสมควร และจากผลการประชุม Fed ล่าสุด ก็อาจทำให้บอนด์ยีลด์แกว่งตัว Sideways ได้ในระยะสั้นนี้

 

ทั้งนี้ ประเมินว่าแนวรับสำคัญของเงินบาทอาจอยู่ในช่วง 34.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่ผู้เล่นบางส่วนอาจทยอยขายทำกำไรการแข็งค่าต่อเนื่องของเงินบาทออกมาบ้าง ในขณะที่โซนแนวต้านสำคัญนั้นมองว่า เงินบาทจะไม่ได้อ่อนค่าไปมากจนทะลุโซนแนวต้านสำคัญที่ระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากผู้เล่นส่วนใหญ่ต่างก็รอจังหวะเงินบาทอ่อนค่า เพื่อทยอยขายเงินดอลลาร์ หรือเพิ่มสถานะ Short USDTHB โดยมองกรอบเงินบาทวันนี้อยู่ที่ระดับ 34.50-34.70 บาทต่อดอลลาร์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising