×

เศรษฐกิจสหรัฐฯ ‘หดตัว’ สองไตรมาสต่อเนื่อง เข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค ขณะที่ NBER ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ

30.09.2022
  • LOADING...
เศรษฐกิจสหรัฐฯ

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายสำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 เมื่อวานนี้ (29 กันยายน) โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัว 0.6% ในไตรมาส 2 น้อยกว่าประมาณการครั้งที่แล้วที่ประเมินไว้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัว 0.9%

 

ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2 เป็นการหดตัวต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่เศรษฐกิจปรับตัวลง 1.6% ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค เนื่องจากเศรษฐกิจหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


นักวิเคราะห์หลายสำนักเชื่อว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยืนกรานเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อ

 

ก่อนหน้านี้ทาง เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed กล่าวว่า การบรรลุภารกิจในการควบคุมเงินเฟ้อของ Fed อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และเขาจะยังไม่พิจารณาเรื่องการปรับนโยบายดอกเบี้ยจนกว่าจะมั่นใจว่าตัวเลขเงินเฟ้อปรับตัวลงสู่เป้าหมายของ Fed ที่ระดับ 2%

 

อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐฯ (NBER) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการตัดสินเกี่ยวกับการขยายตัวหรือการถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยอาศัยการพิจารณาจากหลายปัจจัย ได้แก่ การจ้างงาน การบริโภค การผลิตในภาคอุตสาหกรรม และรายได้ส่วนบุคคล ก่อนที่จะทำการประกาศอย่างเป็นทางการ ยังคงไม่มีการประกาศยืนยันว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอยแล้ว โดยชี้ว่าตัวเลขการจ้างงานและการบริโภคภายในสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง

 

ทั้งนี้ ล่าสุดกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 16,000 ราย สู่ระดับ 193,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 213,000 ราย

 

ขณะที่จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องยังลดลง 29,000 ราย สู่ระดับ 1.35 ล้านราย

 

ในส่วนของความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น Wall Street เมื่อวานนี้ (29 กันยายน) ยังคงมีการเทขายอยู่ ทำให้ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลงทำสถิติต่ำสุดในรอบปีนี้ เนื่องจากวิตกกังวลว่า Fed จะไม่หยุดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วก็ตาม

 

สำหรับหุ้นที่มีการเทขายหนักสุดเมื่อวานนี้ (29 กันยายน) คือหุ้นของ Apple ที่ร่วงหนักถึง 4% หลังมีรายงานข่าวออกมาว่าทาง Apple ได้ยกเลิกแผนการเพิ่มกำลังการผลิต iPhone 14 มากถึง 6 ล้านเครื่องในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เพราะยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ โดย Apple ตั้งเป้าที่จะผลิต iPhone 14 ไว้ประมาณ 90 ล้านเครื่อง ใกล้เคียงกับยอดในปีที่ผ่านมา

 

ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลง 2.1% ปิดที่ 3,640.47 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบปี อีกทั้งราคาก็ตกลงสู่ระดับต่ำสุดรอบใหม่ในปี 2022 ที่ 3,610.40 เช่นกัน ซึ่งเป็นระดับซื้อขายระหว่างวันที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020

 

ด้านดัชนี Dow Jones Industrial Average ลดลง 458.13 จุด หรือ 1.54% ปิดที่ 29,225.61 ส่วนดัชนี Nasdaq ลดลง 314.13 จุด หรือ 2.84% ปิดที่ 10,737.51 จุด

 

ความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นที่ยังคงอยู่ในแดนลบ เป็นผลสืบเนื่องจากความกังวลว่าความเคลื่อนไหวเชิงรุกของ Fed ในการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ อาจทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ถดถอย นอกจากนี้แล้ว บรรดานักลงทุนยังมีความวิตกต่อตลาดหนี้และตลาดการเงินโลกด้วย

 

ส่วนสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำเมื่อวานนี้ (29 กันยายน) ปรับตัวลดลงเล็กน้อย หลังผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นอีกครั้ง โดยราคาทองคำ Comex งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,668.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 4% เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising