×

เงินบาทแข็งสูงสุดในรอบ 3 เดือนหลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ แผ่ว สะท้อนแนวโน้ม Fed ชะลอขึ้นดอกเบี้ย คาดมีโอกาสแตะ 36.00 บาทต่อดอลลาร์

11.11.2022
  • LOADING...

ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (11 พฤศจิกายน) ที่ระดับ 36.11 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นแรงจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.94 บาทต่อดอลลาร์ หลังการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อพื้นฐาน หรือ Core CPI ในเดือนตุลาคมของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเพียง +0.3% จากเดือนก่อนหน้า น้อยกว่าที่ตลาดประเมินไว้ที่ +0.5% และเป็นการชะลอตัวลงต่อเนื่องของเงินเฟ้อพื้นฐาน

 

นอกจากนี้ บรรดาเจ้าหน้าที่ Fed ก็ต่างออกมาสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอลง ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งมั่นใจแนวโน้ม Fed ชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย โดยล่าสุดจาก CME FedWatch Tool ผู้เล่นในตลาดมองโอกาสที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ย +0.50% ในเดือนธันวาคมสูงถึง 90% ก่อนที่จะทยอยขึ้นเพียง +0.25% ในการประชุมครั้งถัดๆ ไป และมีโอกาส 50-50 ที่จะขึ้นไปถึงระดับ 5.25%


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ตลาดค่าเงินกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงอีกครั้ง ท่ามกลางแนวโน้ม Fed อาจชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย และการปรับตัวลงแรงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงหนัก เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลงแรง -2.3% สู่ระดับ 108.2 จุด 

 

โดยการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และการปรับตัวลงแรงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้หนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนธันวาคม) พุ่งขึ้นต่อเนื่องทะลุโซนแนวต้านที่เคยประเมินไว้ สู่ระดับ 1,756 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งคาดว่าการปรับตัวขึ้นแรงของราคาทองคำ อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรออกมา และน่าจะเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นเร็ว (เงินบาทเคลื่อนไหวสอดคล้องกับราคาทองคำสูงถึง 85%)

 

สำหรับวันนี้ ในฝั่งสหรัฐฯ แม้ว่ารายงานข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ ล่าสุดจะชะลอตัวลงมากกว่าคาด แต่ผู้เล่นในตลาดก็อาจจะรอประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของ Fed ผ่านถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ (ส่วนใหญ่เป็น FOMC Voting Members) รวมถึงคาดการณ์เงินเฟ้อระยะสั้น 1 ปี และระยะปานกลาง 5 ปี จากรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment Survey) 

 

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะยังคงรอติดตามผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ หลังผลการเลือกตั้งยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่ในหลายรัฐที่คะแนนเสียงของทั้งสองพรรคมีความสูสีกัน และพรรคเดโมแครตก็ทำผลงานได้ดีกว่าคาด

 

ส่วนในฝั่งยุโรป ตลาดประเมินว่าปัญหาค่าครองชีพที่สูงจากผลกระทบของภาวะเงินเฟ้อสูงเป็นประวัติการณ์ รวมถึงผลกระทบจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) จะส่งผลให้เศรษฐกิจอังกฤษในเดือนกันยายนหดตัวต่อเนื่อง -0.4%MoM ทำให้ในไตรมาสที่ 3 เศรษฐกิจจะหดตัวกว่า -0.5% จากไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนว่าเศรษฐกิจอังกฤษอาจเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย 

 

สอดคล้องกับการประเมินของ BOE ล่าสุดที่คาดว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะเริ่มในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ ไปจนถึงไตรมาสที่ 2 ของปี 2024 โดยเศรษฐกิจอาจปรับตัวลงจากจุดสูงสุดถึงจุดต่ำสุดราว -3% (ทั้งนี้ การหดตัวของเศรษฐกิจก็อาจดีกว่า การหดตัวเกือบ -7% ในช่วงวิกฤต GFC ปี 2008)

 

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท มองว่าบรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินอาจช่วยหนุนให้เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นใกล้โซนแนวรับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์ได้ จากแนวโน้มเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ฟันด์โฟลวนักลงทุนต่างชาติที่อาจเดินหน้าเข้าซื้อหุ้นไทย 

 

อย่างไรก็ตาม ยังต้องระมัดระวังความผันผวนที่อาจกลับมา หากรายงานข้อมูล GDP อังกฤษ ออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ตลาดยิ่งมั่นใจแนวโน้มการเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยของอังกฤษ ซึ่งอาจส่งผลให้ เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) พลิกกลับมาอ่อนค่าลงได้ หลังจากที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์

 

นอกจากนี้ ในเชิงเทคนิคัล การแข็งค่าอย่างรวดเร็วของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมาได้ส่งผลให้เงินบาทเข้าสู่ช่วง RSI Oversold (กราฟเงินบาทรายวัน) ทำให้การแข็งค่าของเงินบาทอาจเริ่มชะลอลงและมีโอกาสเห็นค่าเงินบาทอ่อนค่าลงได้เร็ว หากปัจจัยมีการเปลี่ยนแปลง เช่น เงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้น ตามตลาดกลับมาปิดรับความเสี่ยง หรือจากการอ่อนค่าของสกุลเงินหลักอื่นๆ

 

ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ผันผวนสูงในช่วงที่ผ่าน ทำให้ผู้ประกอบการควรใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ Options ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวนหนัก

 

โดยมองกรอบเงินบาทวันนี้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.00-36.30 บาทต่อดอลลาร์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising