นักลงทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีบอกว่าจุดที่ย่ำแย่ที่สุดได้ผ่านพ้นไปแล้วหลังการกลับมาเปิดประเทศของจีน พร้อมการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด
Chibo Tang หุ้นส่วนผู้จัดการของ Gobi Partners ซึ่งเข้าลงทุนตั้งแต่ระยะเริ่มต้นของหุ้นเทคและสื่อของจีน เชื่อว่ารัฐบาลจีนได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาคาดว่าจะทำในปีนี้ ในแง่ของการกระตุ้นการฟื้นตัวของ GDP การจ้างงาน และการบริโภคในประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- หุ้นจีน ติดปีก ท่ามกลางตลาดหุ้นทั่วโลกที่อึมครึมตามแนวโน้มเศรษฐกิจ
- จุดประทัดปลุก ‘หุ้นจีนปี 2023’ เปิดประเทศฟื้นเศรษฐกิจโลก
- Aberdeen-Credit Suisse ชู ‘หุ้นจีน’ เป็นคำตอบของตัวเลือกลงทุนในปีนี้
เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา รัฐบาลจีนให้คำมั่นว่าจะกระตุ้นการบริโภคในประเทศและการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2023 หลังจากที่เศรษฐกิจจีนเติบโตได้เพียง 3% ในปี 2022 ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 5%
ขณะที่ Tay Choon Chong หุ้นส่วนผู้จัดการของ Vertex Ventures China กล่าวว่า “ความต้องการซื้อในจีนจะเพิ่มขึ้นหลังจากที่อัดอั้นอยู่ ซึ่งอาจจะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นบ้าง แต่โดยภาพรวมยังเป็นบวกมากกว่า”
ทั้งนี้ กองทุน Vertex Ventures China ได้ระดมทุนเกือบ 500 ล้านดอลลาร์ สำหรับกองทุนหุ้นเทคจีนกองใหม่ เพิ่มขึ้นจากแผนเดิมที่ต้องการระดมทุน 400 ล้านดอลลาร์
Tay กล่าวต่อว่า “ช่วงที่เราระดมทุนเมื่อปีก่อน เป็นช่วงที่การเมืองจีนกำลังเปลี่ยนแปลง แต่เรายังมองบวกเพราะเห็นว่ารัฐบาลจะหันกลับมาสนใจเรื่องพัฒนาการของเศรษฐกิจ”
ทั้งนี้ นักลงทุนดูเหมือนว่าจะไม่กังวลกับการเข้ามาคุมเข้มหุ้นเทคโดยรัฐบาลจีนอีกแล้ว
ล่าสุดรัฐบาลจีนได้ปรับกฎเกณฑ์เพื่อช่วยลดปัญหาการที่หุ้นจีนอาจจะถูกทางการสหรัฐฯ ถอดออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ รวมทั้งการกลับมาให้ใบอนุญาตสำหรับการนำเข้าเกมจากต่างประเทศ และอนุญาตให้บริษัท FinTech สามารถระดมทุนเพิ่มเติมได้
Morgan Stanley ระบุผ่านรายงานว่า การประชุม Central Economic Work Conference ของจีน ได้ส่งเสริมให้บริษัทผู้พัฒนาแพลตฟอร์มต่างๆ เป็นผู้นำในการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจและเปิดโอกาสด้านการทำงาน
ราคาหุ้นเทคจีนปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้าในปีนี้ อย่าง Alibaba เพิ่มขึ้น 19% Tencent เพิ่มขึ้น 18% Baidu เพิ่มขึ้น 26% และ NetEase เพิ่มขึ้น 21% อิงจากราคาปิดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (6 กุมภาพันธ์)
Laura Wang กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์หุ้นจีนของ Morgan Stanley กล่าวว่า “เราไม่ได้แนะนำหุ้นอินเทอร์เน็ตจีนมานาน ตั้งแต่เดือนมกราคม 2021 จนถึงเดือนธันวาคม 2022 แต่เราเชื่อว่าตอนนี้คือเวลาที่ต้องกลับเข้าไป หุ้นกลุ่มอินเทอร์เน็ตมีความสัมพันธ์กับการฟื้นตัวของการบริโภคของจีน”
ด้าน James Tan หุ้นส่วนผู้จัดการของ Quest Ventures ในสิงคโปร์ กล่าวว่า เราจะเห็นการลงทุนในเทคโนโลยีที่สำคัญเพิ่มมากขึ้นในจีน ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ควอนตัม, AI และเซมิคอนดักเตอร์
จิติพล พฤกษาเมธานันท์ หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี มองว่าตลาดหุ้นจีนน่าจะหลุดพ้นออกจากตลาดหมีแล้ว ทั้งในส่วนของหุ้นจีน A-Share และ H-Share หลังจากที่จีนกลับมาเปิดเมือง ทำให้อารมณ์ตลาดกลับมาเป็นบวกอย่างมาก ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ผ่านจุดต่ำสุดไปในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
“แต่ถามว่าหุ้นจีนจะเข้าสู่ขาขึ้นเลยไหม ต้องดูว่าการเติบโตจะมาจากส่วนไหน ในระยะ 3-6 เดือนข้างหน้า การบริโภคน่าจะฟื้นตัวเด่น แต่หลังจากนั้นต้องอาศัยการลงทุนมาหนุน ซึ่งตอนนี้จีนยังมีปัญหาเรื่องภาคอสังหากดดันอยู่”
อีกส่วนหนึ่งคือการที่เศรษฐกิจโลกไม่ได้ฟื้นตัวพร้อมกัน เป็นความท้าทายของจีนที่โดยปกติจะได้ประโยชน์จากการส่งออก ประกอบกับมูลค่าหุ้นจีนที่เริ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับหุ้นในยุโรปและญี่ปุ่น
“ช่วง 3-6 เดือนนี้ยังโฟกัสที่หุ้นจีนได้ โดยเฉพาะกลุ่มเทคที่เป็น Top Picks ของนักลงทุนต่างชาติ แต่หลังจากนั้นอาจต้องกลับมาพิจารณาอีกที”
ด้าน รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศและฟิวเจอร์ส บล.บัวหลวง กล่าวว่า หุ้นจีนออกจากตลาดหมีแล้ว แต่ระยะสั้นถูกกดดันจากประเด็นเรื่องบอลลูนสอดแนมในสหรัฐฯ ซึ่งอาจกลายเป็นความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์
“ในระยะสั้นหุ้นจีนน่าจะปรับฐานหลังจากวิ่งขึ้นมา 5-6 สัปดาห์ติดต่อกัน ประกอบกับความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น แต่ส่วนตัวมองว่าน่าจะเป็นโอกาสซื้อ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคและกลุ่มที่อิงกับการเปิดประเทศ เช่น Yum China”
อ้างอิง: