THE STANDARD WEALTH - สำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ การเงิน และการลงทุน

×
THE STANDARD HOME ECONOMIC MARKET BUSINESS CRYPTOCURRENCY OPINION WEALTH MANAGEMENT WORK & LEADERSHIP LIFESTYLE & PASSION
หุ้นจีน
EXCLUSIVE CONTENT BY SCB WEALTH

หุ้นจีน ติดปีก ท่ามกลางตลาดหุ้นทั่วโลกที่อึมครึมตามแนวโน้มเศรษฐกิจ

... • 23 ม.ค. 2023

HIGHLIGHTS

5 mins. read
  • ตลาดหุ้นเคลื่อนไหวแบบแยกแตก โดยตลาดสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง แต่ตลาดยุโรป ญี่ปุ่น และตลาดเกิดใหม่ฝั่งเอเชียฟื้นตัวได้ต่อ
  • ปัจจัยขับเคลื่อนตลาดทุนยังคงมาจากพื้นฐานเศรษฐกิจ ซึ่งเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัว ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปและเอเชียกลับฟื้นตัวต่อเนื่อง
  • แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยชี้นำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน และล่าสุด InnovestX ได้ปรับมุมมองการลงทุนในหุ้นจีน A-Share
  • อย่างไรก็ตาม สำหรับหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังต้องระมัดระวัง เพราะหุ้นหลายตัวเข้าสู่ภาวะ Overbought และ Valuation มาตั้งแต่เดือนธันวาคม

สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง แต่ตลาดยุโรป ญี่ปุ่น และตลาดเกิดใหม่ฝั่งเอเชียฟื้นตัวได้ต่อ เนื่องจาก

  1. ตัวเลขยอดค้าปลีกเดือนธันวาคม หดตัว -1.1% ต่อเดือน ต่อเนื่องจาก -1.0% ในเดือนก่อน โดยการจับจ่ายสินค้าขนาดใหญ่ สินค้าฟุ่มเฟือย และการบริการเริ่มหดตัวชัดเจนขึ้น
  2. ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ หดตัว 1.3% ต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่หดตัว 1.1% จากต้นทุนการเงินที่สูงขึ้นและความต้องการที่ชะลอลง โดยเฉพาะในตลาดโลก
  3. ตัวเลขเงินเฟ้อผู้ผลิต (PPI) สหรัฐฯ เดือนธันวาคม อยู่ที่ 6.2% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 6.8% และต่ำกว่าเงินเฟ้อผู้บริโภคที่ 6.5%
  4. รายงานเศรษฐกิจของ Fed สาขาต่างๆ หรือ Fed Beige Book ที่กล่าวว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วประเทศเริ่มชะลอตัวลง ขณะที่ภาคธุรกิจกังวลภาวะเศรษฐกิจในอนาคตอันใกล้ ด้านแรงกดดันเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอลงในช่วงต่อไป
  5. ประธาน Fed สาขาคลีฟแลนด์และเซนต์หลุยส์ ส่งสัญญาณว่าดอกเบี้ยควรจะขึ้นต่อเนื่องและอาจสูงกว่า 5.25% ที่ Dot Plot เคยให้ไว้ เนื่องจากความเสี่ยงเงินเฟ้อยังคงอยู่
  6. ตัวเลขการขยายตัว GDP จีนในปี 2022 ออกมาที่ 3% ต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงโควิด แต่ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนธันวาคมออกมาดีเกินคาด โดยเฉพาะยอดค้าปลีกที่หดตัวน้อยกว่าคาดและการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวเกินคาด บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอาจเริ่มได้ปัจจัยบวกจากการผ่อนคลายมาตรการ Zero-COVID
  7. ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประกาศคงดอกเบี้ยที่ -0.1% และยังคงมาตรการควบคุมผลตอบแทนพันธบัตร (YCC) อายุ 10 ปีที่ +/-0.5% เช่นเดิม ท่ามกลางตลาดบางส่วนที่คาดว่า BOJ จะขยายช่วง YCC ไปสู่ +/-0.75%
  8. หลิวเหอ รองนายกรัฐมนตรีของจีน ประกาศใน World Economic Forum ว่าเศรษฐกิจจีนในปี 2023 จะขยายตัว 6% และพร้อมใช้นโยบายเศรษฐกิจเพื่อสนับสนุนการขยายตัว
  9. IMF ส่งสัญญาณเตรียมปรับประมาณการเศรษฐกิจโลกขึ้นในครึ่งหลังของปี 2023 และปี 2024 จากสภาพเศรษฐกิจยุโรปที่ดีกว่าคาดและการเปิดประเทศของจีน
  10. รมว.คลังสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าเงินคงคลังจะหมดภายในต้นเดือนมิถุนายน และเรียกร้องให้สภาคองเกรสเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะ ขณะที่ประธานสภาคองเกรสระบุว่า การเพิ่มเพดานหนี้ควรพิจารณาควบคู่ไปกับการปรับลดการใช้จ่ายภาครัฐ

 

InnovestX มองว่ามีประเด็นน่าสนใจ 3 ประเด็น ประเด็นแรก จะเห็นได้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มมีทิศทางชะลอตัวรุนแรงขึ้น ขณะที่เงินเฟ้อชะลอลงชัดเจนขึ้น เช่นเดียวกับรายงาน Beige Book ของ Fed สาขาต่างๆ ผู้ประกอบการยังบ่งชี้ชัดเจนว่าแรงกดดันด้านราคาชะลอลงแล้ว ขณะที่ยอดขายน่าจะเติบโตต่ำมากในระยะต่อไป อย่างไรก็ตาม การที่ Fed ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องแม้ตัวเลขเศรษฐกิจจริงขัดแย้งเช่นนี้ จะทำให้ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยมีมากขึ้น

 

ในประเด็นที่สอง สาเหตุที่เศรษฐกิจยุโรปมีสัญญาณดีขึ้น ทั้งจากตัวเลข GDP เยอรมนี รวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ไม่หดตัวตามคาด และจากเงินเฟ้อที่ชะลอลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอุณหภูมิในฤดูหนาวที่อุ่นกว่าปกติ ทำให้ปัญหาการขาดแคลนพลังงานลดลง ขณะที่การเปิดประเทศของจีนก็มีส่วนทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปที่เป็นคู่ค้าหลักดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เรายังมีมุมมองค่อนข้างระมัดระวังในยุโรป เนื่องจากการเปิดประเทศของจีนอาจทำให้ราคาโภคภัณฑ์สูงขึ้น กดดันทำให้เงินเฟ้อยุโรปลงยากขึ้น และอาจทำให้ ECB ต้องขึ้นดอกเบี้ยสูงในระยะต่อไป

 

ในประเด็นสุดท้าย เรามองว่าภาพการเติบโตที่แตกต่างมากขึ้นระหว่างประเทศพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่มีมากขึ้น โดยเฉพาะการเปิดประเทศของจีนและการฟื้นตัวขึ้นบ้างของราคาโภคภัณฑ์ จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของประเทศตลาดเกิดใหม่ นอกจากนั้นพื้นฐานเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ที่ดีทำให้น่าจะสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่องท่ามกลางความผันผวนในปีนี้ จึงทำให้การลงทุนในตลาดเกิดใหม่ยังคงดีต่อเนื่อง

 

กลยุทธ์การลงทุนตลาดหุ้นไทย

ภายใต้ภาวะตลาดที่ปรับขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม 2022 จนทำให้หุ้นหลายตัวเข้าสู่ภาวะ Overbought และ Valuation ตึงตัว อีกทั้งตลาดยังขาดปัจจัยหนุนใหม่และอยู่ระหว่างรอดูผลประกอบการ 4Q65 จึงทำให้ช่วงสั้นมอง SET ยังมี Upside จำกัดและให้ระวังการปรับฐาน

 

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ ‘Selective Buy’ ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยเน้นรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ไม่ไล่ราคา ดังนี้

  • หุ้นที่คาดได้รับอานิสงส์เม็ดเงินสะพัดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจากการเข้าใกล้สู่ช่วงการเลือกตั้งของไทย เลือก BEC, CENTEL, CPN, MAJOR, MINT และ TU
  • หุ้นที่คาดผลประกอบการ 4Q65 เติบโตดี และยังมี Valuation น่าสนใจ เลือก BJC, CPALL, BCP, BDMS, BEM และ GFPT
  • ช่วงสั้นยังแนะนำเลี่ยงการลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยงกดดันผลประกอบการ ดังนี้
  1. หุ้นอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากบาทแข็งค่าและผลประกอบการหุ้นเทคโนโลยีของโลกมีแนวโน้มอ่อนแอต่อใน 4Q65
  2. หุ้นขุดเหมือง ซึ่งแม้ช่วงสั้นจะได้รับ Sentiment บวกจากการปรับขึ้นของ Bitcoin แต่ยังต่ำกว่าจุดคุ้มทุน เนื่องจากมีต้นทุนไฟฟ้าที่สูง จึงทำให้ผลประกอบการยังมีความเสี่ยงขาดทุน

 

เหตุการณ์สำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้

  1. สถานการณ์การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศของชาวจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีน และสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในจีน
  2. การประชุมนโยบายการเงินของ กนง. ซึ่งตลาดคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 25bps มาอยู่ที่ระดับ 1.50%
  3. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังโดย สศค. และรายงานยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์โดย ส.อ.ท.
  4. US 4Q22 GDP ว่าจะชะลอลงจากไตรมาส 3 เพียงใด (ตลาดคาด 2.8% จาก 3.2%)
  5. Core PCE ว่าจะชะลอต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่ 4.7% หรือไม่

 

หุ้นเด่นประจำสัปดาห์: AOT - ปี FY2023 คาดพลิกกลับมามีกำไร

สัปดาห์นี้ InnovestX เลือกแนะนำ บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT เนื่องจาก 5 เหตุผลหลัก ดังนี้

  1. เป็นผู้ประกอบธุรกิจท่าอากาศยานรายใหญ่ที่สุดในไทย โดยมีส่วนแบ่งตลาด ~90% ของจำนวนผู้โดยสารทางอากาศทั้งหมดในประเทศไทย AOT ประกอบกิจการท่าอากาศยานหลัก 2 แห่งในกรุงเทพฯ (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง) และท่าอากาศยานภูมิภาค 4 แห่งในจุดหมายปลายทางที่สำคัญ (ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่ และเชียงราย)
  2. มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศสูงสุดในกลุ่ม จึงคาดว่าการฟื้นตัวที่ชัดเจนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจะช่วยหนุนฐานะการเงินดีขึ้นและลดความเสี่ยงการฟื้นตัวของกำไร
  3. 1QFY23 (ตุลาคม-ธันวาคม 2022) คาดพลิกมีกำไรปกติ ~300 ล้านบาท หลังจากขาดทุน 10 ไตรมาส และเติบโต YoY และ QoQ ต่อเนื่องใน 2Q-3QFY23 แรงหนุนจากจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น การสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือสายการบินและผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์ในวันที่ 31 มีนาคม 2023 รวมทั้งการกลับมาเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำต่อผู้โดยสาร
  4. ปี FY2023 คาดพลิกมีกำไรปกติ 1.5 หมื่นล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดสู่ 2.7 หมื่นล้านบาท ในปี FY2024 อิงกับสมมติฐานจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศ 54 ล้านคน ในปี FY2023 และ 76 ล้านคน ในปี FY2024 (จาก 13.9 ล้านคน ในปี FY2022)
  5. Valuation น่าสนใจ หลังราคาหุ้น AOT สูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิดอยู่ 1% ปรับตัวขึ้นช้ากว่าหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มท่องเที่ยว และเราประเมินราคาเป้าหมายที่ 82 บาท

 

มุมมองการลงทุนต่อตลาดต่างๆ โดย SCB CIO

 

บรีฟอาร์ต: ระดับความน่าสนใจของตลาดต่างๆ รบกวนทำกราฟิกแถบพลังตาม Format ลิงก์นี้จ้ะ https://thestandard.co/120-days-opening-the-country-support-thai-reit-exclusive-summary/

 

สภาพคล่อง / เงินสด

ความน่าสนใจระดับ 4

 

หุ้นจีน

 

เน้นถือครองเงินสด / สินทรัพย์สภาพคล่อง เนื่องจากสินทรัพย์เสี่ยงยังเผชิญปัจจัยกดดันจาก

  1. ธนาคารกลางหลักต่างๆ ยังมีแนวโน้มดำเนินนโยบายการเงินตึงตัวต่อ เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่ยังสูง โดยเฉพาะฝั่งบริการ
  2. ความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกถดถอยในปีนี้ที่ยังมีอยู่
  3. ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์

 

พันธบัตรรัฐบาลไทยและต่างประเทศ

ความน่าสนใจระดับ 4

 

หุ้นจีน

 

10y UST Yield มีแนวโน้มที่จะเริ่มลดลงชัดเจนขึ้น หลังที่จาก Fed หยุดขึ้นดอกเบี้ย (เราคาดขึ้นครั้งสุดท้าย 3 พฤษภาคมนี้) และจากความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ในส่วนของ TH Yield ลดลงต่อเนื่อง ตาม Fund Flow ที่เข้ามาเพื่อรับประโยชน์เงินบาทแข็งค่า ท่ามกลางอุปทานใหม่ที่ไม่ได้เร่งตัวเร็ว หลังจากเติบโตสูงในปีก่อน

 

กองทุนแนะนำ

Krungsri Yenjai Fund

 

 

  • กองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนกองทุนในตราสารหนี้ หุ้นไทย และหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที่คาดหวังความเจริญเติบโตของสินทรัพย์ในระยะยาว

 

หุ้นกู้ไทยและต่างประเทศ

ความน่าสนใจระดับ 4

 

หุ้นจีน

 

เราคาดว่า Credit Spread ของ US IG มีแนวโน้มทรงตัว ตามความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มลดลง สำหรับ IG ไทย Yield ปรับตัวลดลงตาม Gov’t Bond Yield ที่ลดลง ขณะที่ Corporate Spread ทรงตัวต่ำ แม้ตลาดจะเผชิญความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของ HY/Unrated เช่น ALL

 

ในช่วงที่ความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอยมีมากขึ้น ท่ามกลางดอกเบี้ยที่ยังสูง ควรหลีกเลี่ยงหุ้นกู้ HY โดยตลาด HY ใน EM หลายประเทศ กำลังเผชิญความเสี่ยงสภาพคล่อง และ Rollover Risk โดยเฉพาะในกลุ่มอสังหาที่อาจเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ เช่น จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย และไทย

 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ความน่าสนใจระดับ 3

 

หุ้นจีน

 

ตลาดมีแนวโน้มเผชิญแรงกดดันจากผลประกอบการ บจ. สหรัฐฯ ใน 4Q2022 ที่ชะลอลง และคาดการณ์ผลประกอบการทั้งปี 2023 ที่มีแนวโน้มถูกปรับประมาณการลดลง ท่ามกลางดอกเบี้ยและค่าจ้างที่ยังสูง รวมทั้งความกังวลต่อแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังมีอยู่ ซึ่งจะกดดันอุปสงค์ภายในและภายนอกสหรัฐฯ

 

ตลาดหุ้นยุโรป

ความน่าสนใจระดับ 2

 

หุ้นจีน

 

แม้ว่าเศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวไม่มากนัก แต่เงินเฟ้อภาคบริการที่ยังปรับตัวเพิ่มขึ้น มีแนวโน้มกดดันให้ ECB จะใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวต่อไป และมีโอกาสนำไปสู่ปัญหา Fragmentation ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นที่ได้มีการตอบสนองต่อประเด็นบวกไปมากแล้ว

 

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ความน่าสนใจระดับ 3

 

หุ้นจีน

 

การเริ่มเปลี่ยนผ่านนโยบายการเงินของ BOJ ประกอบกับทิศทางของเศรษฐกิจโลกที่เริ่มชะลอตัว มีแนวโน้มส่งผลให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นในช่วง 1H2023 มีความผันผวนเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้วย Valuation อยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และการฟื้นตัวหลังเปิดเมือง จะยังช่วยจำกัด Downside ได้อยู่

 

ตลาดหุ้นจีน A-Share

ความน่าสนใจระดับ 5

 

หุ้นจีน

 

ดัชนียังมีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด การออกมาตรการกระตุ้นการบริโภค และการสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคอสังหา ขณะที่ Valuation ดัชนีอยู่ใกล้ค่าเฉลี่ยระยะยาว แม้ว่าการเปิดเมืองที่เร็วกว่าคาดอาจนำไปสู่การระบาดที่เร่งตัว และกดดันกิจกรรมเศรษฐกิจในช่วงสั้นก็ตาม

 

ตลาดหุ้นจีน H-Share

ความน่าสนใจระดับ 3

 

หุ้นจีน

 

ดัชนีมีแนวโน้มได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มการเปิดเมืองของจีน ความเสี่ยงการเพิกถอน บจ. จีนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ลดลง ท่าทีการคุมเข้มด้านกฎระเบียบกับกลุ่ม Platform ที่ลดลง และ Valuation ของดัชนีที่ยังไม่แพง อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงเผชิญความเสี่ยงจากประเด็นข้อพิพาทระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่ยังคงมีอยู่

 

ตลาดหุ้นไทย

ความน่าสนใจระดับ 4

 

หุ้นจีน

 

ตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวตามการท่องเที่ยวมาต่อเนื่อง และผลบวกจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนที่มาจากการเปิดประเทศของจีน รวมถึงผลบวกจากมาตรการช้อปดีมีคืน และการใช้จ่ายช่วงก่อนเลือกตั้ง โดยหุ้นกลุ่ม Domestic Related จะเป็นตัวหลักที่ได้ประโยชน์ ขณะที่ต้องระวังหุ้นกลุ่มส่งออก

 

กองทุนแนะนำ

 

 

SCB Dividend Stock Open End Fund

  • กองทุน SCBDV เป็นกองทุนหุ้นไทยที่เน้นการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่มีนโยบายหรือมีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ

 

ตลาดหุ้นเวียดนาม

ความน่าสนใจระดับ 3

 

หุ้นจีน

 

แม้ในระยะกลาง-ยาว ตลาดจะได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจที่ยังขยายตัวโดดเด่น และ Valuation ที่ไม่แพง แต่ด้วยความกังวลสภาพคล่องตึงตัวในภาคอสังหา แนวโน้มการใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวของธนาคารกลางเวียดนาม และความไม่แน่นอนจากการปราบปรามการทุจริตที่ยังมีอยู่ จึงทำให้ Upside ตลาดยังถูกจำกัด

 

ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย

ความน่าสนใจระดับ 4

 

หุ้นจีน

 

ดัชนีผันผวนในระยะสั้นจนกว่าจะเห็นสัญญาณ Fed Pivot แต่ระยะกลางยังคงได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายในประเทศ โดยเฉพาะ FDI การใช้จ่ายก่อนเลือกตั้งปี 2024 ขณะที่เงินเฟ้อทยอยลดแรงกดดันลง ท่ามกลางดอกเบี้ยนโยบายที่เริ่มทรงตัว ทั้งนี้ มุ่งเน้นกลุ่ม High Quality & Liquidity เช่น Consumer Staple

 

กองทุนแนะนำ

 

 

SCB Indonesia Equity Fund

  • กองทุน SCBINDO เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) ได้แก่ กองทุน VanEck Indonesia Index ETF (กองทุนหลัก), สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) บนความคาดหวังการเจริญเติบโตและการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศอินโดนีเซีย

 

ทองคำ

ความน่าสนใจระดับ 3

 

หุ้นจีน

 

ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจาก

  1. ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
  2. ธนาคารกลางต้องการถือทองคำเพื่อเป็นทุนสำรองเพิ่มขึ้น
  3. แนวโน้มการอ่อนค่าของดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม Real Yield ยังคงเป็นปัจจัยกดดันในช่วงที่ Fed ยังคงเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย

 

น้ำมัน

ความน่าสนใจระดับ 4

 

หุ้นจีน

 

ราคาน้ำมันมีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากอุปทานที่ยังมีแนวโน้มตึงตัว หลังรัสเซียเริ่มปรับลดการผลิต และสหรัฐฯ เตรียมซื้อน้ำมันเข้าสู่คลังสำรองทางยุทธ์ศาสตร์ แม้ในระยะสั้น อุปสงค์อาจถูกกดดันจากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและจำนวนผู้ติดเชื้อในจีนที่กลับมาเร่งตัว

 

REITs ประเทศพัฒนาแล้ว

ความน่าสนใจระดับ 3

 

หุ้นจีน

 

REITs ปรับตัวดีขึ้น ผลจาก LT Bond Yield ที่ลดแรงกดดันลง อย่างไรก็ตาม ยังต้องระวังตลาดญี่ปุ่นที่ถูกกดดันจากนโยบายการเงินของญี่ปุ่นที่กระทบ Yield ให้สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงยุโรปที่ยังเผชิญดอกเบี้ยสูง ท่ามกลางอัตรา Leverage สูงกว่าภูมิภาคอื่น ความกังวลเศรษฐกิจที่อาจอ่อนตัวมากกว่าภูมิภาคอื่น

 

REITs เอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น)

ความน่าสนใจระดับ 3

 

หุ้นจีน

 

EM REITs ได้รับประโยชน์จาก Yield ที่อ่อนตัวลง รวมถึงการเปิดประเทศของจีน ซึ่ง Retail และโรงแรมเป็นกลุ่มหลักที่ได้ประโยชน์ โดยเฉพาะฮ่องกงที่พึ่งพาตลาดจีนสูง ขณะที่สิงคโปร์และไทยก็ได้ประโยชน์ตามมาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในกลุ่ม Office ยังได้รับผลกระทบจาก Hybrid & WFH และ Oversupply ในบางพื้นที่

 

Private Asset

ความน่าสนใจระดับ 2

 

หุ้นจีน

 

Slightly Negative on Private Equity & Private Real Estate; Neutral on Private Debt: ดอกเบี้ยในระดับสูงมีแนวโน้มส่งผลกระทบ Valuation ของบริษัทในกองทุน Private Equity และราคาอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้ว ที่จะเป็นผลลบต่อ Private Real Estate สำหรับกองที่ลงทุนด้วยสกุลเงินต่างประเทศ แนะนำให้ป้องกันความเสี่ยง FX เนื่องจากเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าในปี 2023


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


 

กรุณาเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความ EXCLUSIVE CONTENT ฟรี!

อีเมลนี้ถูกใช้สมัครสมาชิกเข้ามาในระบบแล้ว

กรุณาตรวจสอบกล่องจดหมายในอีเมลที่ใช้สร้างบัญชีกับ
The STANDARD จากนั้นทำการยืนยันอีเมลของคุณ

หากค้นหาไม่พบอีเมลที่กล่องจดหมายเข้า (inbox)
กรุณาตรวจสอบที่กล่องจดหมายขยะ (junk mail)

... • 23 ม.ค. 2023

READ MORE



Latest Stories