หลังจากผลประกอบการในไตรมาสล่าสุดของ 4 บริษัทบิ๊กเทคอย่าง Amazon, Microsoft, Meta และ Alphabet ออกมาในสัปดาห์ที่แล้ว Bloomberg คาดการณ์ว่าการทุ่มงบเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI อาจพุ่งไปแตะระดับ 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ ถือเป็นการใช้จ่ายที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์
ย้อนกลับไปเมื่อ 3 เดือนก่อนหรือประมาณช่วงสิ้นสุดไตรมาส 2 ของปีนี้ ราคาหุ้นของบริษัทบิ๊กเทคร่วงลงค่อนข้างหนัก เนื่องจากประโยชน์หรือผลตอบแทนที่ได้จาก AI ไม่คุ้มค่ากับต้นทุนที่บริษัทต้องเสียไปในสายตานักลงทุน
อย่างไรก็ดี Bloomberg รายงานว่าผู้บริหารของบริษัทบิ๊กเทคยังคงยืนกรานทุ่มเงินลงทุนกับ AI ต่อในปีหน้า และมีแนวโน้มว่าจะใช้เงินเพิ่มมากขึ้นด้วย
การใช้เงินมหาศาลระดับนี้แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี AI ต้องอาศัยทรัพยากรจำนวนมาก โดยเฉพาะชิปเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง เพื่อตอบสนองการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของ AI
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วหลังจากการประกาศผลประกอบการ แอนดี้ แจสซี ซีอีโอของ Amazon กล่าวกับนักลงทุนว่า AI คือ “หนึ่งในโอกาสครั้งใหญ่” ซึ่งสะท้อนให้เห็นผ่านแผนการใช้จ่ายของบริษัทที่มีแนวโน้มจะแตะ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปีนี้
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta ย้ำว่าจะเพิ่มการลงทุนในโมเดลภาษาและโปรเจกต์ที่เกี่ยวกับเทรนด์โลกอนาคต ซึ่งเขากำหนดให้เป็นธุรกิจแกนหลักของบริษัทต่อจากนี้ โดยการใช้จ่ายของ Meta ปีนี้อาจสูงถึง 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในขณะที่ Alphabet ก็ใช้จ่ายเพื่อพัฒนา AI สูงกว่าที่นักลงทุนและนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดย อานัต แอชเคนาซี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทมองว่าการใช้จ่ายส่วนนี้จะเพิ่มขึ้น “อย่างมีนัยสำคัญ” ในปีหน้า
นอกจากนี้ Microsoft เองทุ่มเงินลงทุนไปแล้ว 1.49 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน
โดยรวมแล้วถึงแม้นักลงทุนบางกลุ่มจะยังกังวลเกี่ยวกับความคุ้มค่าของการเทเงินจำนวนมหาศาลไปกับ AI แต่เทรนด์การใช้จ่ายของเหล่าบิ๊กเทคในปีหน้าจะยิ่งเพิ่มขึ้นอีก
อ้างอิง: