‘Tata Group’ อินเดียเตรียมตั้งฐานผลิตชิป รองรับความต้องการตลาด ตั้งเป้าให้ประเทศเอเชียใต้กลายเป็นห่วงโซ่อุปทานชิปทั่วโลก พร้อมลงทุน 9 หมื่นล้านดอลลาร์ เปิดตัวธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ไฟฟ้า
Nikkei Asia รายงานว่า Tata Group ประเทศอินเดีย เตรียมเริ่มผลิตชิป หรือที่เรียกว่าเซมิคอนดักเตอร์ภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- อุตสาหกรรมชิปทั่วโลกดีขึ้น ฟื้นจากการขาดแคลน แต่ภาพรวมยังน่าเป็นห่วง
- TSMC ระงับการส่งซิลิคอนขั้นสูงให้ผู้ผลิตชิปในจีน เพื่อหลีกเลี่ยงการฝ่าฝืนข้อบังคับของสหรัฐฯ
- จีนอวดสายการผลิต ‘Photonic Chip’ เป็นครั้งแรก เตรียมเดินเครื่องผลิตภายในปี 2023
นาตาราจัน จันทระเศการัณ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท Tata Group กล่าวว่าบริษัทได้สร้าง Tata Electronics เตรียมจัดตั้งระบบทดสอบการประกอบเซมิคอนดักเตอร์ พร้อมจับมือกับพันธมิตรผู้ผลิตชิปหลายรายในตลาดเสริมทัพ ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมหารือกัน
อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่ามีความท้าทายอย่างมาก โดยเฉพาะบริษัทที่ไม่มีประสบการณ์ผลิตชิปมาก่อน เนื่องจากต้นน้ำของโรงงานผลิตชิปที่เรียกว่าโรงงานแปรรูปเวเฟอร์ หรือ Fab มีความท้าทายมากขึ้น ทั้งในแง่ของเทคโนโลยีที่ใช้ในด้านกระบวนการประกอบและทดสอบประสิทธิภาพของชิป
สะท้อนให้เห็นถึงเป้าหมายใหญ่ของกลุ่ม Tata Group ที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย ที่ต้องการผลักดันให้ประเทศในเอเชียใต้กลายเป็นส่วนสำคัญของห่วงโซ่อุปทานชิปทั่วโลก
ทั้งนี้ การกระโจนเข้าสู่ธุรกิจผลิตชิปดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับความต้องการในตลาดสมาร์ทโฟนและรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทั่วโลกเจอปัญหาขาดแคลนชิป โดยมาจากสานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน ทำให้ผู้ผลิตชิปรายใหญ่มุ่งหาซัพพลายเชนใหม่ๆ ที่หลากหลายมากขึ้น
แน่นอนว่าอาจเปิดโอกาสให้อินเดียกลายเป็นตลาดใหม่ อีกด้านหนึ่งก็ถือเป็นการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ให้กับอินเดีย เพราะที่ผ่านมาไม่มีธุรกิจผลิตเซมิคอนดักเตอร์อยู่เลย
ประธานกรรมการกลุ่มบริษัทกล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนเตรียมลงทุน 9 หมื่นล้านดอลลาร์ภายใน 5 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับความท้าทายใหม่ๆ รวมไปถึงการเปิดตัวธุรกิจใหม่ โดยมองไปที่ธุรกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ตามด้วยการผลิตพลังงานทดแทน และการพัฒนาซูเปอร์แอป เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อสินค้าและบริการจากร้านสะดวกซื้อได้
นอกจากนี้ยังต้องการควบรวมการจัดการของ Air India ซึ่งเป็นสายการบินหลักแห่งชาติที่ซื้อคืนจากรัฐบาล และ Vistara ตามด้วย AirAsia India เข้ามาอยู่ด้วยกันแต่ยังไม่ได้บอกว่าหมายถึงการรวมแบรนด์ ซึ่งต้องรอดูในอนาคต
อ้างอิง: