ใครที่ตามติดโซเชียลมีเดีย คงต้องเห็นผ่านตากันบ้างกับรูปคนถ่ายคู่พระจันทร์ดวงใหญ่ มุมมหาชนที่ตั้งอยู่กลางร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านนราธิวาสราชนครินทร์ ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึง WOLF984 ร้านไฟน์ไดนิ่งที่ไม่เสิร์ฟเป็นเทสติ้งเมนู แต่ชวนให้ทุกคนเลือกเมนูโปรดแล้วรังสรรค์เป็นดินเนอร์ตามแบบฉบับของตัวเอง
WOLF984 ชื่อนี้มาจากหมาป่าที่มีพฤติกรรมรวมกลุ่มและมักออกล่าเป็นฝูง ซึ่งเป็นแนวคิดการทำงานของเชฟและทีมครัวที่ร้าน โดยเสาะแสวงหาวัตถุดิบที่ดีที่สุดในแต่ละฤดูกาล และทำอาหารแต่ละจานด้วยความมุ่งมั่นเพื่อให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสประสบการณ์รับประทานอาหารที่น่าประทับใจ
ด้วยความที่มาในคอนเซปต์หมาป่า บรรยากาศในร้านจึงมาในโทนสีดำเสมือนป่าในยามค่ำคืน ซึ่งเมื่อกระทบกับพระจันทร์ดวงใหญ่กลางร้านแล้วยิ่งดูอบอุ่นและสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ตัวร้านเป็นบ้านเล่นระดับสองชั้นครึ่ง โดยมีโซนรับประทานอาหารอยู่ชั้นล่างและชั้นบน ส่วนชั้นลอยเป็นครัวเปิด ทั้งนี้ นอกจาก Moon Room ซึ่งเป็นโซนยอดฮิตเพราะเห็นครัวและดวงจันทร์แล้ว ทางร้านเพิ่งจะเปิดโซนใหม่อยู่ด้านล่างในชื่อ Luna Room ห้องสีดำสนิท บุผนังด้วยไม้เผาจากญี่ปุ่น และมีดวงจันทร์อยู่เหนือโต๊ะอาหารด้านในสุด
อาหารของ WOLF984 เป็นไฟน์ไดนิ่งที่เน้นอาหารยุโรปสมัยใหม่ พร้อมแฝงกลิ่นอายญี่ปุ่นและเอเชียนในแต่ละจาน ใช้วัตถุดิบสดใหม่ตามฤดูกาลจากญี่ปุ่นและฝรั่งเศส เมนูโดยรวมของร้านหากเรียกว่าเป็น Carte Blanche ก็คงไม่ผิดนัก เนื่องจากอาหารจะเปลี่ยนไปตามวัตถุดิบแต่ละวันและอิงตามฤดูกาลเป็นหลัก
เราแนะนำให้เริ่มต้นด้วย Oyster “Boudeuse” (2 ตัว 395 บาท / 4 ตัว 775 บาท / 6 ตัว 1,155 บาท) หอยนางรมสดตัวเล็กแต่รสชาติดีที่สุด เพราะมีทั้งรสหวาน นุ่ม ลื่น และสดชื่น เมื่อเรียบร้อยแล้วค่อยตามด้วย Foie Gras & Blueberry (2 ชิ้น 590 บาท) เมนูกินเล่นขนาดพอดีคำ ชั้นล่างสุดเป็นขนมปังบริยอชทาบราวน์บัตเตอร์แล้วจี่ไฟอ่อนๆ ท็อปด้วยฟัวกราส์เทอร์รีนกับชัตนีย์หอมแดงผสมไวน์แดง ด้านบนมีบลูเบอร์รีกับอิตาเลียนเมอแรงก์ เรียกได้ว่าเต็มและครบรสในคำเดียว
อีกหนึ่งไฮไลต์ของที่นี่คือ Uni Toast (1,990 บาท) ขนมปังซาวโดวจ์เคลือบซอสไข่ดองเพื่อเชื่อมรสชาติกับอูนิ และสำหรับอูนิ เชฟเลือกใช้อูนิ Kaneyo Daigokujo เกรดดีที่สุดจากฮอกไกโด ให้รสหวานละมุนแถมนุ่มลิ้นเหมือนคัสตาร์ด แม้ราคาสูง แต่หากเป็นโอกาสพิเศษเราก็อยากให้คุณได้ลิ้มลองด้วยตัวเองสักครั้ง (เพิ่มคาเวียร์ 5 กรัม 695 บาท)
หากเป็นสายเนื้อ Wagyu Beef Tartare (790 บาท) ก็เป็นอีกหนึ่งจานที่ไม่ควรข้าม เนื้อออสเตรเลียนวากิวสับละเอียดคลุกเคล้าเครื่องสูตรเฉพาะ โรยหน้าด้วยหอมเจียวกรอบๆ และไข่ดอง รับประทานพร้อมข้าวเกรียบก็ยิ่งฟิน
วัตถุดิบประจำฤดูกาลช่วงนี้ เชฟนำเสนอปลาคิงกิ (Kinki) และปูหิมะ (Seko Kani) สำหรับ Kinki (Half 2,190 บาท / Whole 4,290 บาท) เป็นปลาทะเลน้ำลึกจากฮอกไกโด ขึ้นชื่อเรื่องรสสัมผัสและไขมันแทรกค่อนข้างสูง เชฟนำซีอิ๊วผสมน้ำส้มสายชูที่เอจไว้กว่า 50 ปี ทาเคลือบปลาทั้งตัว จากนั้นย่างถ่านสไตล์ญี่ปุ่นจนสุกกำลังดี เสิร์ฟพร้อมกัวคาโมเลกับมะเขือเทศสดและสลัดผัก สัมผัสแรกที่รับประทานจะพบกับความนุ่มและเนื้อหวานปนมันของปลาคิงกิ ขณะเดียวกันหนังปลาก็มีความกรอบและฉ่ำรสซีอิ๊วจนต้องกินเกลี้ยงทั้งตัว
สำหรับปูหิมะ สามารถเลือกรับประทานได้ 3 เมนู แนะนำ Seko Gani Pasta Spicy Bisque Sauce (2,190 บาท) พาสต้าเส้นสด คลุกเคล้าในซอสสไปซีบิสค์ซึ่งทำจากเปลือกล็อบสเตอร์ เสิร์ฟพร้อมปูหิมะซึ่งเป็นปูไข่ ส่งตรงจากฮอกไกโด และหารับประทานได้เฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายน-ต้นมกราคมเท่านั้น เชฟนำปูหิมะต้มในน้ำคอมบุเพื่อรักษารสธรรมชาติของปูและเพิ่มรสอูมามิ จากนั้นปรุงรสด้วยโทซาสึ ซอสที่เบสด้วยน้ำส้มสายชูที่เจือกับคัตสึโอะดาชิ ชิโระโชยุ และมิริน โดยเสิร์ฟบนกระดองปูแยกกับพาสต้า แล้วค่อยมาเทคลุกกับพาสต้าบนโต๊ะอาหาร
นอกจากพาสต้าปูหิมะแล้ว ถ้าติดใจรสหวานของเนื้อปู แนะนำ Crab & Caviar Parfait (1,290 บาท) สลัดมะเขือเทศกับองุ่นไชน์มัสคัตและอะโวคาโด ท็อปด้วยคาเวียร์และเนื้อปูเน้นๆ ตักกินแกล้มพาสต้าก็เพลินดีเหมือนกัน
ส่งท้ายมื้อก่อนกลับบ้านด้วย Woof Woof! Honey Toast (490 บาท) ของหวานซิกเนเจอร์ประจำ WOLF984 เป็นเฟรนช์โทสต์ผสมคัสตาร์ด โรยบราวน์บัตเตอร์ครัมเบิล โปะไอศกรีมรสเกลือกับนมข้น ราดด้วยน้ำผึ้งและทรัฟเฟิลขูด ตักทุกอย่างรับประทานพร้อมกันเพื่อความอร่อย
WOLF984
Open: ทุกวัน เวลา 17.00-22.00 น.
Address: 984 ซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 17 แยก 7
Budget: 3,000-5,000 บาท
Tel: 08 0939 4973
Website: www.instagram.com/984wolf
Map: