×

TASTE: Keller Bangkok เปิดประสบการณ์มิกซ์แอนด์แมตช์ไฟน์ไดนิ่งจานโปรดได้ตามใจชอบ

15.07.2022
  • LOADING...
Keller Bangkok

HIGHLIGHTS

3 mins. read
  • จุดเด่นของที่นี่คือ มีทั้งเมนูแบบเซ็ตคอร์ส และอะลาคาร์ตที่สั่งแยกได้ เชฟตั้งใจมอบประสบการณ์ให้เราได้สนุกกับการมิกซ์แอนด์แมตช์เมนูอาหารตามความชอบ และเลือกเฉพาะเมนูที่อยากลิ้มลองจริงๆ 
  • เปิดโอกาสให้คนที่เคยมากินเซ็ตคอร์สแล้วติดใจ สามารถกลับมากินใหม่ได้ เรียกได้ว่าเป็นการกินที่คัสตอมได้ตามใจอีก
  • ความพิเศษคือ ต่อให้เราเลือกสั่งแบบอะลาคาร์ต ทางร้านก็จะเสิร์ฟจานซุปให้ระหว่างรอจานเรียกน้ำย่อย เหมือนเวลากินคอร์สด้วยเช่นกัน แต่ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆ 

Keller Bangkok ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งสไตล์คอนเทมโพรารียูโรเปียนที่ก่อตั้งโดยเชฟ Mirco Keller (เมอร์โค เคลเลอร์) เชฟชาวเยอรมัน ผู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในไทยมามากกว่า 10 ปี ได้รังสรรค์ทุกเมนูอย่างมีคุณภาพและพิถีพิถัน ด้วยเทคนิคการทำอาหารแบบดั้งเดิมและสมัยใหม่เข้าด้วยกัน จนทำให้รสชาติแต่ละจานมีเอกลักษณ์ในแบบฉบับของ Keller ที่ไม่ยุโรปจ๋าจนเกินไป แต่มีกลิ่นอายตะวันตกที่ซ่อนความกลมกล่อมของเอเชียไว้ในแบบที่คนไทยคุ้นเคย

 

 

ท่ามกลางความวุ่นวายใจกลางย่านสาทร Keller Bangkok ซ่อนตัวอยู่ที่ Baan Turtle ซอยสวนพลู 2 ในบรรยากาศที่เงียบสงบ ผ่อนคลาย และเป็นกันเอง อบอุ่นทั้งการตกแต่งภายในและการบริการจากทีมงานที่ใส่ใจ แม้จะเปิดมา 2 ปีแล้ว เมื่อถึงคราวปรับเมนูใหม่ Keller Bangkok ก็ยังคงจุดเด่นที่เป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่เอาไว้ นั่นคือ มีทั้งเมนูแบบเซ็ตคอร์ส และอะลาคาร์ตที่สั่งแยกได้ เชฟตั้งใจมอบประสบการณ์ให้เราได้สนุกกับการมิกซ์แอนด์แมตช์เมนูอาหารตามความชอบ และเลือกเฉพาะเมนูที่อยากลิ้มลองจริงๆ แถมยังเป็นการเปิดโอกาสให้คนที่เคยมากินเซ็ตคอร์สแล้วติดใจ สามารถกลับมากินใหม่ได้ เรียกได้ว่าเป็นการกินที่คัสตอมได้ตามใจอีกด้วย

 

 

ส่วนเมนูที่มาเป็นคอร์ส มีให้เลือก 2 เซ็ตด้วยกัน คือ Keller Classic (3,700++ บาท) ซึ่งเป็นเมนูจานโปรดของลูกค้าประจำร้าน รวมมาให้ 7 คอร์ส และคอร์ส Keller Journey (4,900++ บาท) 9 คอร์ส ที่ส่วนใหญ่เป็นเมนูใหม่แกะกล่องประจำซีซัน ที่บางจานก็อยู่ในเมนูอะลาคาร์ตด้วย ดังนั้นครั้งนี้เราเลยเลือกกินเมนูอะลาคาร์ต ที่สามารถสั่งอาหารที่น่าสนใจและอยากลองเป็นพิเศษ ซึ่งจะมิกซ์ระหว่างเมนูใหม่บ้าง คลาสสิกบ้าง คละเคล้ากันไป ถือว่าตามใจคนกินก็แล้วกัน  

 

Royal Oscietra Caviar (490 บาท) 

 

Obsiblue Prawn (290 บาท) 

 

เราเริ่มต้นที่จานกินเล่นซึ่งเป็นเมนูใหม่ของร้านอย่าง Royal Oscietra Caviar (490 บาท) คาเวียร์สีน้ำตาลเข้มรสชาติกลมกล่อม เค็มมันกำลังดี มีส่วนผสมของหัวหอมและกะหล่ำ ตัดรสเปรี้ยวเล็กน้อยจากลูกแพร์ที่ช่วยรีเฟรชความสดชื่นให้กับเรา ต่อมาคือ Obsiblue Prawn (290 บาท) เมนูจากกุ้งทะเลพันธุ์หายาก ที่มีรสหวานเป็นเอกลักษณ์ ปรุงรสด้วยพาร์สนิป พริกเขียวดอง เสิร์ฟในซอสเบอร์บล็องแบบฝรั่งเศส เวลากินให้ตักทุกองค์ประกอบพร้อมกันในหนึ่งคำ เพื่อให้ได้รสชาติที่เสริมกันพอดีอย่างที่เชฟตั้งใจไว้

 

 Berlin Potato Bun และ Asparagus Soup 

 

ระหว่างรอเมนูแอปพิไทเซอร์ มาวอร์มรสชาติกันด้วย Berlin Potato Bun และ Asparagus Soup ขนมปังเนื้อฟูกรอบนอกนุ่มในสไตล์เยอรมัน ที่เลือกได้ว่าจะกินคู่กับเนยสาหร่ายฮิจิกิ ที่ให้รสชาติเค็มแบบอูมามิ หรือตับไก่บดเนื้อเนียนนุ่ม เสิร์ฟมาพร้อมซุปหน่อไม้ฝรั่งที่ให้สัมผัสที่ละมุนแต่มีอาฟเตอร์เทสต์ที่หนักแน่น เข้มข้น ซึ่งความพิเศษคือ ต่อให้เราเลือกสั่งแบบอะลาคาร์ต ทางร้านก็จะเสิร์ฟเมนูนี้ให้ระหว่างรอจานเรียกน้ำย่อย เหมือนเวลากินคอร์สด้วยเช่นกัน แต่ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆ 

 

ไปต่อกันที่เมนูเรียกน้ำย่อยจานแรก Aji (1,090 บาท) เมนูจากส่วนผสมโปรดของเชฟ Keller ที่รวมอยู่ในจานเดียว ไม่ว่าจะเป็นปลาอาจิญี่ปุ่น สลัดผัก ขนมปังข้าวไรย์ ที่เซอร์ไพรส์เลยคือ รสหวานอมเปรี้ยวในแบบที่ไม่คาดคิดของซอร์เบตมังคุด และลูกพลัมหมัก ที่เติมเต็มความสดชื่นให้จานนี้ได้เป็นอย่างดี

 

Aji (1,090 บาท)

 

อีกจานคือ Enzo Abalone (1,490 บาท) หอยเป๋าฮื้ออิมพอร์ตจากเกาหลี ที่สัมผัสนุ่มหนึบและละเอียดอ่อน เสิร์ฟบนไวต์พาสต้าเส้นนุ่ม เสริมรสชาติด้วยผักโขมผัดในซอสเห็ดทรัฟเฟิลที่ให้กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ เพิ่มเติมความเข้มข้น เค็มมันจากชีสพาร์เมซานเวลลูเตและถั่วไพน์นัท

 

Enzo Abalone (1,490 บาท)

 

แต่ก่อนที่จะไปจานหลัก เรามาเคลียร์รสชาติกันด้วยกรานิต้า ที่มอบความสดชื่นจากแอปเปิ้ลเขียว เลมอน และเผ็ดปลายจากเครื่องเทศฝรั่งเศสอย่างทาร์รากอน

 

 

จานหลักวันนี้ เราเลือก Fish of the day (990 บาท) เมนูปลาประจำวัน ซึ่งในช่วงที่เราไปกินเป็นปลาอามาไดหนังกรุบกรอบ เนื้อด้านในนุ่ม สัมผัสได้ถึงความสดใหม่ ผ่านกรรมวิธีปรุงสุกแบบพิเศษ ทำให้ปลาไม่มีกลิ่นคาวเลย เสิร์ฟพร้อมซอสเบอร์บล็องกุ้งรสชาติกลมกล่อม ส่วนเมนูที่สองคือ Racan Pigeon (1,490 บาท) นกพิราบสไตล์ฝรั่งเศส เสิร์ฟเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกใช้วิธีกงฟีสไตล์ฝรั่งเศส ทำให้ตัวเนื้อมีความฉ่ำแต่ไม่มีกลิ่นคาว แถมหนังยังมีความบางกรอบ ส่วนที่สองคือเนื้อส่วนสะโพกของนกพิราบ ที่มีเท็กซ์เจอร์คล้ายกับเนื้อของสัตว์ปีกอย่างเป็ด ราดด้วยซอสที่ให้ความหอม ชุ่มฉ่ำ และเข้มข้นมากขึ้น

 

Fish of the day (990 บาท)

 

Racan Pigeon (1,490 บาท)

 

สำหรับตัวเลือกสุดท้ายของจานหลัก คือ Pyrenees Lamb of Bearn (1,590 บาท) เนื้อแกะสายพันธุ์พรีเมียมจากออสเตรเลีย ถูกเลี้ยงโดยอาหารธรรมชาติ ทำให้เนื้อมีความนุ่มและออร์แกนิก เมื่อบวกกับวิธีการทำซอสตุ๋นที่มาจากส่วนหนึ่งของแกะเอง และผสมผสานกับซอสมะเขือเทศที่มีความเปรี้ยวนำและหวานตาม ก็ยิ่งเพิ่มรสชาติความชุ่มฉ่ำของเนื้อขึ้นไปอีกหนึ่งสเต็ป กินคู่กับ Semmelknödel แบบฉบับเยอรมัน ช่วยเสริมองค์ประกอบในจานให้มีความลงตัวแบบพอดี

 

Pyrenees Lamb of Bearn (1,590 บาท)

 

ปิดท้ายด้วยของหวาน Corn (430 บาท) ข้าวโพดคาราเมลไลซ์คู่กับซอร์เบตมะม่วงเปรี้ยวหวานให้ความสดชื่น และ Guava (430 บาท) จานของหวานขายดีของทางร้านที่เราแนะนำให้ลอง เป็นการผสมผสานฝรั่งดองและซอร์เบตฝรั่งสดเข้ากับโยเกิร์ตเอสพูมา ได้กลิ่นหอมของมะพร้าว และได้เท็กซ์เจอร์ความหนุบหนึบจากเยลลี่ว่านหางจระเข้และนูกัต กินแล้วรีเฟรช สดชื่น เคี้ยวเพลิน นอกจากนี้ยังมี Sweet Treats ขนมหวานคำเล็กๆ กรุบกริบ เป็นจานปิดท้ายอย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย

 

Corn (430 บาท) 

 

Guava (430 บาท)

 

 

สำหรับใครที่อยากดื่มด่ำกับมื้อดินเนอร์สุดพิเศษ และเปิดประสบการณ์มิกซ์แอนด์แมตท์จานอาหารไฟน์ไดนิ่งด้วยตัวเอง Keller Bangkok ถือว่าตอบโจทย์ ทั้งในเรื่องของรสชาติและความสร้างสรรค์ที่เป็นเอกลักษณ์ และที่สำคัญยังเลือกได้ด้วยว่าอารมณ์ในวันนั้น เราอยากกินจานไหนมากที่สุด 

 

Keller Bangkok

Address: 31 สวนพลู ซอย 2 ถนนสวนพลู สาทร

Open: เปิดให้บริการวันอังคาร-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 17:30 น. เป็นต้นไป

Budget: เริ่มต้น 1,000++ บาท

Contact: 0 2092 7196

Website: https://www.kellerbangkok.com/

Map: 

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising