TASTE: ‘Chomcha Tea Studio’ โอมากาเสะชาที่เสิร์ฟพร้อมจานอาหารสไตล์โฮมเมดเคียงด้วยกัน

ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่เทรนด์ชาเขียวญี่ปุ่นหรือมัทฉะที่กำลังมาแรงและทำให้ใครหลายๆ คนนั้นหันมาสนใจการดื่มชามากขึ้น แต่ความนิยมในการบริโภคชาช่วงนี้ก็ยังรวมไปถึงชาประเภทอื่นๆ ด้วย เห็นได้ชัดจากหลากหลายคาเฟ่ที่มีตัวเลือกเมนูชาจากแหล่งชามากมายหลากหลายให้เราได้ลองลิ้มชิมกันอย่างทั่วถึง

นอกจากคาเฟ่สเปเชียลตี้ชาญี่ปุ่น และคาเฟ่สายชาจีน-ไต้หวัน ที่เปิดให้เราเห็นกันมากขึ้น ก็ยังมี ‘Tea Omakase’ อีกอย่างที่เริ่มเห็นเปิดตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ ให้คนที่รักหรือสนใจชาไปลองรับประสบการณ์ ซึ่งถ้าหากคุณเป็นคนที่สนใจชาล่ะก็ เราขอแนะนำให้รู้จักกับ ‘Chomcha Tea Studio’ โอมากาเสะชาจีน-ญี่ปุ่นที่เสิร์ฟพร้อมจานอาหารสไตล์โฮมเมด 5 คอร์ส ควบคู่ไปกับการบอกเล่าการเดินทาง และการคิดค้นเมนูแพริ่งที่น่าค้นหาตลอดทั้งคอร์ส

ภคินทร์ เจนธรรมนุกูล (ต่อ) เจ้าของ Chomcha Tea Studio

เดิมที ‘ต่อ-ภคินทร์ เจนธรรมนุกูล’ ฟรีแลนซ์กราฟิกดีไซเนอร์ผู้มีความรักในการดื่มชา มีแพลนจะเปิดคาเฟ่ชาก่อนหน้านี้ แต่ด้วยสถานการณ์โควิดจึงทำให้เขาตัดสินใจเปลี่ยนแผน เปิดบ้านของตนเองให้กลายมาเป็นสตูดิโอชาที่มีชื่อว่า ‘Chomcha Tea Studio’ แทน โดยออกแบบด้วยความตั้งใจที่จะต้อนรับเหล่าคนรักชา ด้วยประสบการณ์การดื่มชาในรูปแบบ ‘Tea Omakase’ แพริ่งกับอาหาร และนี่ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเลยทีเดียว

อ้อมและต่อ เจ้าของ Chomcha Tea Studio / เมนูเครื่องดื่ม ‘Unknown’

นอกจากความแปลกใหม่และความน่าสนุกของความคิดที่จะเปิดคอร์ส ‘Tea Omakase’ ของต่อแล้ว จุดเริ่มต้นของคอร์สชาในครั้งนี้ก็ยังมาจากการที่เขาอยากเสิร์ฟเมนูเครื่องดื่มค็อกเทล-ม็อกเทลจากชาที่ตนเองได้รังสรรค์ออกมา เพื่อแลกเปลี่ยน พูดคุย และแบ่งปันความคิดเห็นด้วยกันไปกับผู้คนที่ดื่มชาด้วยกัน

ซึ่งเมื่อมาแล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่อิ่มท้อง เพราะทั้งเครื่องดื่มจะแพริ่งกับอาหารสไตล์โฮมเมด โดย ‘อ้อม-อัญชรี โลเกศกระวี’ แฟนสาวของต่อ ผู้มีความชอบในการทำขนมหวาน และการทำอาหารเป็นกิจวัตรประจำวัน มาเติมเต็ม

บรรยากาศภายนอกและภายในของร้าน

ด้วยบรรยากาศและสถานที่ที่เป็นกันเอง ‘Chomcha Tea Studio’ เปรียบเสมือนการแวะมานั่งดื่มชา และกินข้าวบนเคาน์เตอร์บาร์ในวันเสาร์-อาทิตย์ที่บ้านเพื่อนย่านกัลปพฤกษ์เสียมากกว่าการจองคอร์สโอมากาเสะตามร้านอาหารหรือร้านชา

ความน่าตื่นเต้นของการได้ลิ้มลองคอร์สโอมากาเสะหรือทีแพริ่งของที่นี่คือ เมนูทั้ง 5 คอร์ส 10 เมนู จะถูกเปลี่ยนไปทุก 3-5 เดือน หรือเรียกว่าเปลี่ยนทุกซีซันก็ได้ ซึ่งไม่ใช่แค่วัตถุดิบไทยที่หาได้ในแต่ละฤดูกาลจะเปลี่ยนไป แต่เรื่องราวการเดินทางต่างๆ ก็เช่นกัน

อุปกรณ์ชา และเมนูคอร์สโอมากาเสะซีซันที่ 3

คอร์สที่เราได้ลองในวันนี้นับได้ว่าเป็นซีซัน 3 ตั้งแต่เปิดร้านมา โดยซีซันนี้มากับธีม ‘Simple of Giving Season’ หรือฤดูกาลแห่งการให้ (ราคา 1,200 บาทต่อคน) ที่นอกจากเมนูต่างๆ จะไล่เลเวลความหนักขึ้นไปทีละสเตป พร้อมกับชื่อที่สอดคล้องกับธีมหลักแล้ว ซีซันนี้ยังมอบรายได้ส่วนหนึ่งให้กับสถานสงเคราะห์ สภากาชาดไทยด้วยเช่นกัน

เมนูเครื่องดื่ม ‘Unknown’

เราเริ่มต้นกันด้วยคอร์สเรียกน้ำย่อยกับเมนูเครื่องดื่ม ‘Unknown’ ชื่อเมนูที่แสดงให้เห็นถึงสเตปแรกของการเรียนรู้อย่างการพบเจอกับ ‘สิ่งที่ไม่รู้จัก’

เมนูเครื่องดื่ม ‘Unknown’ และเมนูอาหาร ‘Citrus Garden’

‘Unknown’ เปรียบเสมือน Welcome Drink ที่เติมเต็มความสดชื่น และความหอมหวาน ดื่มสบายที่ได้มาจากตัวชาอู่หลงเบลนด์เข้ากับดอกมะลิ ใบหม่อน กุหลาบ อัญชัน พร้อมนำไปโคลด์บรูว์ด้วยน้ำลูกแพร์ ก่อนเติมความหวานด้วยน้ำผึ้งดอกไม้ป่า คอร์สนี้เสิร์ฟคู่กับเมนูสลัด ‘Citrus Garden’ สลัดส้มสไตล์เกาหลีที่ให้รสชาติเปรี้ยว-หวาน เผ็ดเล็กๆ พอให้ช่วยเปิดประสาทสัมผัส เคลียร์ปุ่มรับรสเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเมนูคอร์สในถัดๆ ไป

เมนูเครื่องดื่ม ‘Sense’ และเมนูอาหาร ‘Sea Breeze’

เมื่อพบเจอกับสิ่งที่ไม่รู้จักในคอร์สแรกกันไปแล้ว คอร์สที่ 2 นำเสนอ ‘Sense’ หรือประสาทสัมผัส สเตปต่อไปในการเปิดรับประสบการณ์เรียนรู้ในสิ่งๆ นั้น

‘Sense’ ต่อเลือกใช้ชาเขียวญี่ปุ่น หรือเซนฉะสายพันธุ์สึยุฮิคาริ (Tsuyuhikari) ที่ผ่านการโคลด์บรูว์จนได้รสชาติที่ต้องการแล้ว มาเติมความสดชื่นด้วยการใช้โทนิกแบรนด์ไทย ท็อปด้วยโรสแมรี และส้มวาเลนเซียที่ช่วยเพิ่มความเปรี้ยว-หวานตัดกับความเขียวอูมามิ และความขมฝาดของเซนฉะได้อย่างพอดิบพอดี เสิร์ฟคู่ไปกับจานอาหาร ‘Sea Breeze’ หรือปลาหิมะย่างในซอสเพสโต้ที่ได้ขยับรสชาติความจัดจ้านขึ้นมาอีกเลเวล

ใครที่เป็นสายค็อกเทล เมนูเครื่องดื่ม Sense ยังสามารถขอเพิ่มจินได้ โดยจินก็จะทำให้ตัวเซนฉะนั้นมีความสะอาด สดชื่น และช่วยตัดเลี่ยนจากจานอาหารได้ดีขึ้นด้วย

เมนูเครื่องดื่ม ‘Taste’ และเมนูอาหาร ‘Natsu’

ไล่เลียงกันจนมาถึงคอร์สที่ 3 หรือคอร์สที่ต่อและอ้อมตั้งใจอยากนำเสนอจานอาหารที่ล้อไปกับเครื่องดื่มชาเขียวญี่ปุ่นจากคอร์สที่ 2

จึงได้ออกมาเป็นแนวอาหารฟิวชันถึง 3 ชาติอย่าง ‘Natsu’ ที่ใช้เส้นมันเทศ (จีน) ซุปพอนสึ (ญี่ปุ่น) เสิร์ฟเคียงด้วยส้มวาเลนเซีย (ยุโรป) ให้สัมผัสนุ่มหนึบหนับของเส้น ความกรุบกรอบจากกุ้ง และตัวส้มที่หวานฉ่ำ ตัดความเปรี้ยวอมเค็มเล็กๆ ของซุปพอนสึ จานนี้จับคู่กับเมนูเครื่องดื่ม ‘Taste’ สเตปของการลิ้มรสชาติ ต่อได้เลือกใช้มัทฉะสายพันธุ์โอคุมิโดริ (Okumidori) จากเมืองยาเมะ จังหวัดฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ให้โน้ตความเขียวที่คลับคล้ายกับมัทฉะจังหวัดอูจิ ตัดกับความหวานของน้ำฝรั่ง และน้ำผึ้งยูซุที่เติมเต็มรสชาติได้อย่างดี ซึ่งถ้าหากได้ลองเติมจินเข้าไปในเมนูมัทฉะฝรั่งแก้วนี้แล้ว ก็จะช่วยเพิ่มความรู้สึกสะอาดสดชื่น และให้รสชาติเครื่องดื่มที่หวานกว่าปกติอีกด้วย

เมนูเครื่องดื่ม ‘Feel’ และเมนูอาหาร ‘Taco Shell’

อาหารในคอร์สที่ 4 จัดจ้านขึ้นมาอีกหน่อย กับ ‘Taco Shell’ ทาโก้สเต๊กหมูซอสทรัฟเฟิล เมนูฟิวชันยุโรป-ญี่ปุ่น จานหลักของวันนี้ก่อนเข้าสู่คอร์สของหวาน

สำหรับเมนู ‘Taco Shell’ อ้อมได้เลือกใช้ชีสจากจังหวัดเชียงใหม่ 4 ชนิด ทั้งมอสซาเรลลาชีส เชดดาร์ชีส พาร์เมซานชีส และสวิสชีส เพื่อช่วยเสริมความกรอบนอกนุ่มในของทาโก้สเต๊กหมูซอสทรัฟเฟิล เสิร์ฟพร้อมเมนูเครื่องดื่มร้อน ‘Feel’ หรือชาผู่เอ๋อที่เบลนด์ด้วยชา Dan Chong Ya Shi Xiang ชวนดื่มง่ายให้ความรู้สึกชุ่มคอ อีกทั้งยังช่วยตัดเลี่ยนรสชาติอาหาร และเคลียร์ปุ่มรับรสไปด้วยกันนั่นเอง

เมนูเครื่องดื่ม ‘Breathe’ และเมนูของหวาน ‘Pearfect’

คอร์สที่ 5 ปิดท้ายกันด้วยจานของหวานอย่าง ‘Pearfect’ ลูกแพร์ตุ๋นชาดำจากจังหวัดเชียงราย ที่ให้รสชาติเข้มข้นตัดกับความหวานฉ่ำของลูกแพร์ ก่อนนำมาราดด้วยซอสวานิลลา ตกแต่งด้วยก้านอบเชยที่รนไฟร้อนๆ ช่วยเสริมกลิ่นหอมคั่วของตัวชาดำ เสิร์ฟคู่กับโฮจิฉะโกโก้อย่างเมนู ‘Breath’ ที่ต่อตั้งใจเพิ่มมิติและความหอมอโรมาของแก้วนี้ด้วยการใส่งาดำคั่ว และชาเขียวอัสสัมจากเชียงราย เจ้าของรางวัลเหรียญทองจากงาน The World Green Tea Contest 2020 ณ ประเทศญี่ปุ่นเข้าไปด้วย