ครั้งแรกที่เราได้ยินว่าจะมี ‘ราเมนสไตล์สิงคโปร์’ มาเปิดร้านสาขาแรกในประเทศไทย ก็สงสัยขึ้นมาทันทีว่าจะมีหน้าตาและรสชาติเป็นอย่างไร เพราะทั้งชีวิตนี้ก็เคยลองชิมแต่ราเมนสไตล์ญี่ปุ่นและไทยเท่านั้น
เราจึงไม่รอช้ารีบตามไปลอง ‘A Noodle Story’ ร้านราเมนสไตล์สิงคโปร์เจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศบ้านเกิด แถมยังได้รางวัลมิชลินไกด์ติดกันนานถึง 7 ปี ซึ่งตอนนี้ร้านมาเปิดสาขาแรกในเมืองไทยแล้ว อยู่ที่ทองหล่อ และไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าน้ำซุปเค็มๆ เผ็ดๆ แบบจีนจะเข้ากับเครื่องราเมนสไตล์ญี่ปุ่นได้ดีเหมือนกัน
สำหรับสาขาออริจินัล A Noodle Story จะเปิดอยู่ในศูนย์อาหารของ Guoco Tower ซึ่งเป็นตึกสูงที่สุดในสิงคโปร์ ขึ้นชื่อเรื่องราเมนเส้นบะหมี่ไข่ที่ท็อปปิ้งด้วยเกี๊ยวตัวใหญ่ๆ และกุ้งทอดซิกเนเจอร์
เมื่อมาเปิดสาขาในประเทศไทยก็ดูให้บรรยากาศที่คล้ายคลึงกัน เพราะเป็นร้านเล็กๆ ขนาดประมาณ 15-20 ที่นั่ง และอยู่ด้านในตึก Fifty Fifth ทองหล่อ ที่รวมร้านอาหารไว้มากมายเช่นกัน
เช่นเดียวกับอาหารที่มีการปรับวัตถุดิบนิดหน่อยเพื่อให้ดูเหมือนราเมนญี่ปุ่นมากขึ้น เช่น การใช้หมูชาชูแทนหมูแดง หรือเปลี่ยนไข่ต้มธรรมดาๆ ให้เป็นอาจิทามะ ไข่ต้มซีอิ๊วสไตล์ญี่ปุ่น
ร้านจะมีเมนูไม่มากเหมือนกับสาขาต้นฉบับ เพราะเน้นขายราเมนสไตล์สิงคโปร์ให้กินอิ่มๆ กับของกินเล่นอีกนิดหน่อยมากกว่า เมื่อมาถึงทุกคนจึงไม่ต้องใช้เวลาคิดนาน ให้จิ้มไปที่เมนูซิกเนเจอร์ได้เลย
‘ราเมนสิงคโปร์ (กลาง 269 บาท / ใหญ่ 369 บาท)’ เสิร์ฟมาเป็นราเมนแห้งที่เราสามารถเลือกระดับความเผ็ดและความสุกของเส้นได้ หากเป็นชามใหญ่จะมาพร้อมหมูชาชู 3 ชิ้น เกี๊ยวทอด 2 ชิ้น กุ้งพันเส้นมันฝรั่ง 2 ชิ้น เกี๊ยวแผ่น ไข่ต้มญี่ปุ่นเต็มฟอง และเกี๊ยวในน้ำซุป
รสชาติจะหอมพริกกับซอสแบบสิงคโปร์ มีความเค็มๆ มันๆ คนละแบบกับราเมนญี่ปุ่น อาจถูกใจคนชอบอาหารจีนเป็นพิเศษ เราว่าไฮไลต์อยู่ตรงของทอดต่างๆ ที่กรอบอร่อย โดยเฉพาะกุ้งพันเส้นมันฝรั่งที่เป็นของขึ้นชื่อ
อีกทั้งเกี๊ยวน้ำที่เสิร์ฟมาคู่กันก็ช่วยให้ไม่เลี่ยนเกินไปด้วย เราแนะนำให้กินสลับกัน หลังจากนั้นลองเจาะไข่ต้มเยิ้มๆ คลุกเคล้ากับเส้นให้รสชาติเข้มข้นขึ้นดูได้
แต่ถ้าใครอยากซดน้ำซุปร้อนๆ กินเส้นกับเกี๊ยวตัวใหญ่ เราแนะนำให้สั่ง ‘ราเมนซุปเผ็ด (220 บาท)’ อีกหนึ่งเมนูราเมนมากินพร้อมกันได้ ชามนี้จะเสิร์ฟมาแบบร้อนๆ ให้เราชิมซุปหอมกลิ่นนำ้มันพริกสไตล์สิงคโปร์ กับเส้นบะหมี่สไตล์จีนที่เนื้อสัมผัสนุ่มเด้งมีเอกลักษณ์
อ้อ! แล้วถ้าหากใครกินเกี๊ยวทอดไม่จุใจ เราแนะนำว่าต้องสั่ง ‘ชุดรวมของทอด (120 บาท)’ มากินเพิ่มด้วย ก่อนปิดท้ายด้วยยาคูลท์ปีโป้เป็นของหวาน
ร้านบอกว่ารสชาติที่ทุกคนจะได้ชิมเป็นต้นตำรับเดียวกันจากสิงคโปร์เลย เพราะทีมสาขาออริจินัลบินมาดูแลเรื่องรสชาติเองด้วย ฉะนั้นหากใครไม่อยากรอไปชิมถึงต่างแดน ลองแวะมาที่นี่ดูได้
ภาพ: เกณิกา รวยธนพานิช
A Noodle Story
Open: เปิดทุกวัน (ปิดวันอังคาร) เวลา 11.30-14.00 น. และ 17.00-20.00 น.
Address: ชั้น 1 ตึก Fifty Fifth ซอยทองหล่อ 2
Budget: 300-500 บาท
Facebook: A Noodle Story Thailand
Instagram: @anoodlestoryth
Map: https://goo.gl/maps/6jTDxfgQLaopBbUp8