หลายครั้งที่เราเจออาหารดีๆ จะรู้สึกเพลิดเพลินไปกับเรื่องราวและรสชาติจนลืมเวลา ซึ่งการมาเยือน ‘Sushi Saryu (ซูชิ ซาริว)’ ก็ทำให้เรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ ทั้งจากบรรยากาศที่นิ่งแต่ไม่อึดอัด พร้อมกับเชฟที่เน้นทำมากกว่าพูด มื้อนี้เราจึงรู้สึกเหมือนได้นั่งดูการแสดงดีๆ สักเรื่องที่มีซูชิและเชฟเป็นนักแสดง
โดยคำว่า Saryu ในชื่อร้านก็หมายถึง ‘ทราย’ ที่ไหลจากบนสู่ล่างในนาฬิกาทราย ซึ่งเชฟบอกว่าเปรียบเสมือนเวลาอันมีค่าของทุกคนที่ค่อยๆ ผ่านไปเมื่อมานั่งรับประทานอาหารที่นี่ รวมถึงเป็นเวลาของประสบการณ์ที่เขาสะสมมาตลอดเวลาหลายสิบปีเช่นกัน
‘เชฟเซย์จิ ซุโด’ เป็นผู้นำเพียงคนเดียวของโอมากาเสะแห่งนี้ เชฟทำเองทุกอย่าง ทุกขั้นตอน เพื่อให้อาหารมีความอร่อยคงที่มากที่สุด ซึ่งเราเชื่อว่าหลายคนที่เป็นแฟนโอมากาเสะน่าจะรู้จักเขามาตั้งแต่สมัยประจำอยู่ร้าน Tama Sushi ทว่าก่อนหน้านี้เชฟเคยทำงานที่ร้าน Ginza Sushi Ichi เจ้าของรางวัลมิชลิน 1 ดาว ในประเทศสิงคโปร์ด้วย
“สิ่งที่ผมให้ความสำคัญที่สุดในร้านนี้คือความคงที่ของรสชาติอาหาร ผมจึงเตรียมทุกอย่างเองเพียงคนเดียว” เชฟเซย์จิบอก และนั่นคือเหตุผลที่ร้านเปิดรับเพียงวันละรอบ รอบละ 6 ที่นั่งเท่านั้น
ส่วนการตกแต่งร้านจะมีทั้งกลิ่นอายดั้งเดิมและความทันสมัย ตั้งแต่ทางเข้าที่ราวกับเดินเข้าสู่ถ้ำ ก่อนได้เจอกับเคาน์เตอร์บาร์โอมากาเสะแบบดั้งเดิม ชั้นโชว์แก้วสาเกที่เชฟเลือกมาเองกับมือ และกรอบรูปโชว์คอลเล็กชัน NFT ของเชฟที่วาดโดยศิลปินญี่ปุ่น
เช่นเดียวกับอาหารที่เสิร์ฟทั้งหมด 15 คอร์ส เชฟทำตามทุกอย่างสไตล์ดั้งเดิม ทว่านำเสนออย่างสมัยใหม่ ซึ่งเราอาจนำมาให้ชมไม่ครบทุกคำ เพราะไม่อยากให้คนตามไปชิมหมดเรื่องเซอร์ไพรส์เสียก่อน
ไม่พูดพร่ำทำเพลง เมื่อเห็นทุกคนพร้อมเชฟก็หยิบจับอุปกรณ์อย่างเชี่ยวชาญและพร้อมเสิร์ฟคำแรกทันที เป็นซูชิ ‘Chutoro’ ที่ห่อกินพร้อมสาหร่ายญี่ปุ่น แน่นอนว่าวัตถุดิบที่เชฟใช้ทุกอย่างมีความพรีเมียมและนำเข้าเป็นส่วนใหญ่ เนื้อปลาคำแรกจึงเต็มไปด้วยรสชาติและความกรอบนุ่ม
ตามด้วย ‘Uni Soup’ ที่เราอยากซดให้หมดในครั้งเดียว เพราะอูนิสดไม่มีกลิ่นคาว เชฟบอกว่าปรุงด้วยเกลือธรรมชาติเท่านั้น ก่อนเสิร์ฟพร้อมซุปสาหร่ายผสมคอมบุอุ่นๆ
เชฟเสิร์ฟ ‘Snow Crab’ ที่ใช้ทั้งมัน ไข่ และเนื้อของปูซูไวในฤดูหนาว เนื่องจากเป็นช่วงที่ปูมีไข่เยอะที่สุดครั้งเดียวของปี จานน้ีรสชาติเบาๆ ราดด้วยซุปปู เพื่อให้เรารอรับรสชาติจาก ‘Sanma’ ซูชิปลาซันมะที่มีเฉพาะช่วงเดือนนี้
แล้วจึงพักอีกทีด้วย ‘Yakisushi’ ข้าวซูชิอบผสมปูและอูนิ ท็อปด้วยชิราโกะ (หรือสเปิร์มปลา) ปลาดาบ ไข่กุ้ง และไข่ปลากระบอก
หลังจากปั้นซูชิให้อีก 2 คำ คือ คินเมไดและอาคาไก (หอยแครงญี่ปุ่น) เชฟก็เสิร์ฟ ‘Awabi’ หนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ที่หลายคนชอบ เป็นข้าวซูชิกับเนื้อหอยเป๋าฮื้อชิ้นหนาๆ ราดด้วยซอสตับหอยเป๋าฮื้อรสชาติชัดเจน คลุกกินพร้อมกันแล้วอร่อยสมชื่อ
อีกจานเด่นคือ ‘Katsuo’ ปลาคัตสึโอะดองที่เชฟนำไปหมักซอส ก่อนเผาหนังปลาให้หอม เสิร์ฟพร้อมรสชาติซอส 2 แบบ และปิดท้ายด้วยก้างปลาคัตสึโอะที่ใช้ตกแต่งเท่านั้น
‘Maze Gohan’ เป็นคอร์สที่เราชอบมาก เริ่มตั้งแต่ภาชนะไปจนถึงหน้าตาและรสชาติอาหาร เชฟจะใส่องค์ประกอบลงไปทีละชั้น เริ่มจากข้าวซูชิผสมอูนิ สาหร่าย ไข่ปลาแซลมอน จบด้วยปลาคินเมไดและปลาโนโดกุโระอบซอส เวลากินคลุกทุกอย่างให้เข้ากันแล้วจะได้รสชาติและเนื้อสัมผัสที่หลากหลาย
หลังจากเจอรสชาติหนักๆ มาเยอะแล้ว เชฟก็พักด้วยการเสิร์ฟคอร์สของดอง 3 อย่างให้กินระหว่างเตรียมคอร์สต่อไปที่กลับมาจัดเต็มเหมือนเดิม
‘Botan Ebi’ เสิร์ฟกุ้งโบตันมาพร้อมมันกุ้งและ ‘ไข่กุ้งสีฟ้า’ ที่เกิดจากกุ้งเปลี่ยนสีไข่ตัวเองให้เข้ากับน้ำทะเลเพื่อหนีนักล่า แล้วจึงท็อปด้วยอูนิให้เรากินพร้อมกัน ข้างๆ มีวาซาบิฝนสดๆ มาให้ตัดเลี่ยนด้วย
หลังจากซูชิ ‘Nodoguro’ หรือปลากะพงสีชมพูที่ถูกเรียกว่าราชาแห่งปลาเนื้อขาวญี่ปุ่น ‘Ankimo’ ตับปลาอังโกะกับแตงโมดอง และ ‘Kawahagi’ ซูชิปลาหน้าวัวกับตับปลาหน้าวัวที่เป็นปลาอีกชนิดประจำฤดูหนาว
เชฟก็เสิร์ฟ ‘Sushi Soup’ ข้าวห่อสาหร่ายเนื้อปลาคินเมไดที่มาพร้อมข้าวพองและซุปร้อนๆ เวลากินคนทุกอย่างให้เข้ากันแล้วชิม จะได้ประสบการณ์ใหม่ที่หลายคนยังไม่เคยลอง
ปกติแล้วโอมากาเสะจะเสิร์ฟของหวานทันทีหลังจากคอร์สซุปร้อนๆ ตอนท้าย แต่เชฟเซย์จิมีอีกเมนูไฮไลต์ที่ทุกคนเห็นแล้วต้องตาวาว เพราะเป็นซูชิคำพิเศษ ‘Maki’ รวมวัตถุดิบประจำวัน ซึ่งในคอร์สฤดูหนาวตอนนี้จะประกอบไปด้วย อูนิ ไข่ปลาแซลมอน ชูโทโร่ ชิมะเอบิ ไข่กุ้ง 2 ชนิด คือ โบตันเอบิและชิมะเอบิ
แนะนำให้รีบม้วนสาหร่ายแล้วกินทันที เพราะสาหร่ายจะยังกรอบ กินง่าย บอกเลยว่าคำแรกก็เต็มไปด้วยรสชาติและความสดในทุกอณู
แล้วปิดท้ายกันจริงๆ ด้วยเมนูของหวาน ‘Coconut Pudding’ พุดดิ้งมะพร้าวราดซอสชาเขียวเข้มข้น ท็อปด้วยเกาลัดเชื่อม เป็นการส่งท้ายด้วยความสดชื่นและละมุน
- ภาชนะเซรามิกที่ร้าน Sushi Saryu เชฟเซย์จิสั่งออกแบบพิเศษกับนักปั้นเซรามิกชาวญี่ปุ่นในหลายๆ ท้องถิ่น แต่ละชิ้นจึงมีเพียงแบบเดียวเท่านั้น
- ข้าวที่เชฟเซย์จิใช้จะผ่านการบ่มใต้ดิน และเป็นข้าวญี่ปุ่นผสมหลายสายพันธุ์ที่เก็บเกี่ยวจากฤดูก่อน หลังจากนั้นนำมาหุงพร้อมน้ำส้มสายชู 3 ชนิด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือน้ำส้มสายชูสีแดงที่หมักจากสาเก
You may also like: Sushi Yamazato, Sushi Masato, Ginza Sushi Ichi
Sushi Saryu
Open: เปิดทุกวัน เวลา 18.00 น. (ปิดวันจันทร์)
Address: อาคารโครนอส สาทร ชั้น G
Budget: 8,000++ บาท / 15 คอร์ส
Facebook: https://www.facebook.com/sushisaryu
Instagram: @sushisaryu
Map: