อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เตือน Fed ควรรอข้อมูลเศรษฐกิจ ‘รอบด้าน’ ก่อนตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย เหตุมองตัวเลขการจ้างงานล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่ง ด้านไบเดนพูดเป็นเชิงสนับสนุนให้ Fed หยุดขึ้นดอกเบี้ย ท่ามกลางการเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามา
ลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ไม่ควรรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะมีหลักฐานที่ชี้ขาดว่าอัตราเงินเฟ้อกลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว หรือเศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ภาวะตกต่ำ
อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงอย่างมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาได้กระตุ้นให้ Wall Street มองในแง่ดีว่า Fed อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงภายในฤดูใบไม้ผลิปี 2024
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (8 ธันวาคม) กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผยการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm Payrolls) เพิ่มขึ้น 199,000 ตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายน สูงกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 180,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานก็ลดลงเหลือ 3.7% เทียบกับการคาดการณ์ว่าจะทรงตัวที่ 3.9% ส่วนรายได้เฉลี่ย (Average Earnings) ก็เพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนก่อน สูงกว่าคาดการณ์ที่ 0.3% เล็กน้อย
ซัมเมอร์ส ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ยังกล่าวอีกว่า รายงานตัวเลขการจ้างงานล่าสุดของสหรัฐฯ เป็นตัวเลขที่ดี โดยแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจ ณ เดือนพฤศจิกายนยังคงดูแข็งแกร่ง
โดยค่าแรงที่เพิ่มขึ้นได้ตอกย้ำความรู้สึกของซัมเมอร์สที่ว่า Fed จะต้องระมัดระวังในการประกาศชัยชนะเหนือภาวะเงินเฟ้อ
โดยรวมแล้วสะท้อนว่าซัมเมอร์สสนับสนุนจุดยืนปัจจุบันของ เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ในการดำเนินนโยบาย ‘อย่างระมัดระวัง’
ไบเดนสนับสนุน Fed หยุดขึ้นดอกเบี้ย หลังการเลือกตั้งใกล้เข้ามา
ด้าน โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานเมื่อวันศุกร์แสดงให้เห็นว่า ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงมีความยืดหยุ่น เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงผ่อนคลายลง
พร้อมทั้งกล่าวว่า “ตัวเลขชุดนี้เป็นจุดที่พอดีพอเหมาะ (Sweet Spot) และจำเป็นสำหรับการเติบโตอย่างมั่นคง ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง ซึ่งไม่น่าสนับสนุน (Not Encouraging) ให้ Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ย”
ความคิดเห็นดังกล่าวของไบเดนต่อ Fed เกี่ยวกับการกำหนดนโยบายของธนาคารกลาง ซึ่งถือว่ามีไม่บ่อย เกิดขึ้นขณะที่ไบเดนกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งจะเกิดขึ้นในปีหน้า โดยสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ภายใต้การดูแลของไบเดน ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการสู้ศึกครั้งใหม่ โดยจากผลสำรวจล่าสุด ผู้ตอบแบบสอบถามให้คะแนนไบเดนด้านนี้ค่อนข้างไม่ดี (Poorly)
อ้างอิง:
