บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT คาดปีนี้ยอดขายถุงมือโต 40% แตะ 2.8 หมื่นล้านชิ้น ดันรายได้โตเกิน 40% รับดีมานด์พุ่ง-ปรับราคาเฉลี่ย 10-15% ทุกไตรมาส วางเป้าลงทุนขยายกำลังผลิตเป็น 5 หมื่นล้านชิ้นในปี 2567 และเพิ่มเป็น 1 แสนชิ้นภายในปี 2575
จริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT เปิดเผยในงานนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรก คาดปริมาณผลิตและยอดขายถุงมือยางปีนี้อยู่ที่ 28,000 ล้านชิ้น เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มียอดขาย 20,000 ล้านชิ้น
นอกจากนี้คาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตมากกว่า 40% หลังมีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10-15% ในทุกไตรมาส ตามความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น ภายหลังเกิดสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทวางแผนขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีกำลังผลิตติดตั้ง 32,619 ล้านชิ้น และภายในปี 2567 จะขยายกำลังการผลิตติดตั้งเป็นมากกว่า 50,000 ล้านชิ้น และในปี 2571 จะขยายกำลังการผลิตเป็น 70,000 ล้านชิ้น จากนั้นจะขยายกำลังการผลิตเป็น 100,000 ล้านชิ้น ในปี 2575
เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จำนวน 14,900 ล้านบาท จะใช้ลงทุนขยายกำลังการผลิต 11,000 ล้านบาท ใช้ชำระหนี้เงินกู้ 2,100 ล้านบาท และส่วนที่เหลือเป็นเงินทุนหมุนเวียน และหลังการชำระหนี้จะส่งผลให้อัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (D/E) ลดเหลือ 0.7-0.8 เท่า จากเดิมอยู่ที่ 1.4 เท่า
โดยวานนี้ (2 กรกฎาคม) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าราคาหุ้น บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ปิดเทรดวันแรกที่ 60.50 บาท เพิ่มขึ้น 26.50 บาท จากราคา IPO ที่ 34.00 บาท เหนือจอง 77.94% โดยเปิดตลาดที่ 55.25 บาท สูงสุด 60.75 บาท ต่ำสุด 55.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 17,255.28 ล้านบาท
ทั้งนี้พบรายการบิ๊กล็อต หุ้น STGT จำนวน 2.60 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 39.12 บาท รวมมูลค่า 101.70 ล้านบาท
STGT-F จำนวน 16.50 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 34 บาท รวมมูลค่า 561 ล้านบาท
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
