วันนี้ (13 กรกฎาคม) รนิล วิกรมสิงหะ นายกรัฐมนตรีศรีลังกา ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ หลังจากที่ประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา ของศรีลังกา ตัดสินใจลี้ภัยทางการเมืองไปยังมัลดีฟส์ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะถึงกำหนดการพิธีลาออกจากตำแหน่งผู้นำประเทศอย่างเป็นทางการตามที่ตนให้คำมั่นไว้ โดยแต่งตั้งตนเองให้ดำรงตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดีศรีลังกา
โดยผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐธรรมศรีลังกาชี้ว่า นายกฯ ไม่มีสิทธิประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน การกระทำดังกล่าวของรนิล นับเป็นการใช้อำนาจในทางมิชอบ ขัดรัฐธรรมนูญ
“ไม่สามารถประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินในลักษณะดังกล่าวได้ โดยก่อนที่จะประกาศภาวะดังกล่าว เขาจำเป็นจะต้องได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดีเสียก่อน ซึ่งสิ่งนี้ยังไม่เกิดขึ้น ดังนั้นการกระทำนี้ของนายกรัฐมนตรีจึงมิชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีอำนาจในการประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉิน
“ภายใต้มาตราที่ 37 ในรัฐธรรมนูญศรีลังกา ระบุว่า บุคคลจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดี ก็ต่อเมื่อผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวถูกไล่ออกหรือพ้นจากตำแหน่งแล้ว โดยจะไม่มีการแต่งตั้งผู้รักษาการประธานาธิบดีหากสิ่งเหล่านี้ยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งตำแหน่งดังกล่าว เนื่องจาก ตำแหน่งนี้ยังไม่ว่างลง”
ประชาชนชาวศรีลังกาจำนวนมากต่างเฝ้ารอการลาออกของประธานาธิบดีโกตาบายา และนายกรัฐมนตรีรนิล เพื่อให้มีการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองในศรีลังกาโดยเร็ว ซึ่งเบื้องต้นประชาชนขีดเส้นตายให้ลาออกภายในเวลา 13.00 น. ของวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น โดยล่าสุด นายกรัฐมนตรีรนิลแต่งตั้งตนเองให้ดำรงตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดีศรีลังกาแล้ว ป้องกันการเกิดภาวะสุญญากาศทางการเมือง เพื่อทำให้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินก่อนหน้านี้มีความชอบธรรม
ทางด้านโฆษกรัฐบาลเผย รนิลจะชี้แจงการกระทำของตนในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีจดหมายลาออกอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีโกตาบายา อีกทั้งประธานาธิบดีคนก่อนหน้าก็ไม่ได้แต่งตั้งรักษาการไว้แต่อย่างใด หลายฝ่ายมองว่านี่นับเป็นความพยายามของรนิลที่จะอยู่ในอำนาจต่อไป และมีความต้องการที่จะนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีของศรีลังกา ความฝันสูงสุดของรนิลที่ยังไม่เคยทำสำเร็จเลยในเส้นทางชีวิตการเมืองของเขา
แฟ้มภาพ: Ishara S. Kodikara / AFP
อ้างอิง:
