วันนี้ (2 สิงหาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขออนุญาตศาลเดินทางไปนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อรักษาตัว แต่มีคำสั่งไม่อนุญาต จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่มั่นใจสถานการณ์ทางการเมืองช่วงเดือนสิงหาคมจึงจะออกไปตั้งหลักหรือไม่ว่า ไม่แน่ใจ เพราะอ่านเพียงแต่ข่าวตามหนังสือพิมพ์ว่าทักษิณจะไปพบแพทย์ แต่ศาลไม่อนุญาต เนื่องจากแพทย์ในประเทศไทยมีอยู่แล้ว และเข้าใจว่าแพทย์ไทยมีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองเดือนนี้ใช่หรือไม่ เนื่องจากจะมีคดีสำคัญจนอาจทำให้ทักษิณต้องไปตั้งหลัก เศรษฐากล่าวว่า ไม่น่าเกี่ยวกัน เพราะวันที่ 7 สิงหาคมนี้ เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกล และวันที่ 14 สิงหาคมก็เป็นเรื่องของตน ส่วนทักษิณเองยืนยันว่าจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในคดีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ แพทองธาร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะลูกสาว ก็ออกมายืนยันว่าไม่ได้มีความตั้งใจว่าจะไปตั้งหลักที่ต่างประเทศ ซึ่งประเด็นดังกล่าวทักษิณระบุว่าจะออกไปเรื่องสุขภาพ แต่เรื่องอื่นยังไม่ได้พูดคุยกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีการวิเคราะห์ว่าสถานการณ์ทางการเมืองช่วงเดือนสิงหาคมมีความน่าเป็นห่วง นายกรัฐมนตรีได้ประเมินอะไรหรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า ตามที่ตนบอกไปเมื่อวันอังคารที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา ว่าได้ส่งคำแถลงปิดคดีไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ส่วนเรื่องที่น่าเป็นห่วงมากกว่าคือ ปัญหาบ้านเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า จาก 3 คดีช่วงเดือนนี้จึงเกิดกระแสข่าวจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐายอมรับว่ามีการพูดคุยถึงประเด็นดังกล่าว ยังคงทำงานกันอย่างเต็มที่ เมื่อคืน อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินทางไปร่วมงานสวดอภิธรรมศพของมารดาตน ซึ่งพูดคุยถึงปัญหาบ้านเมืองและการเตรียมพร้อมลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันพรุ่งนี้ โดยวันนี้ พล.อ. เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เดินทางล่วงหน้าไปวานนี้แล้ว และได้เชิญ ผบ.ทร. มาหารือก่อนลงใต้ ช่วงเที่ยงวันนี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า หากวันที่ 14 สิงหาคม คดีของนายกรัฐมนตรีไม่มีปัญหาจะมีการปรับ ครม. หรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า ผมยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย อย่างที่บอก คดีของตนก็จบแล้ว เพราะศาลไม่ได้เรียกขอข้อมูลเพิ่มเติมมา ซึ่งตนได้ทำคำแถลงปิดคดีไปเรียบร้อยแล้ว วันนี้ต้องดูปัญหาบ้านเมืองอย่างเดียว ตนไม่อยากคิดไปไกลถึงการปรับเปลี่ยน ครม. ตนเชื่อว่าตลอดระยะเวลาที่เหลือ 3 ปี แน่นอนว่าอาจมีการปรับเปลี่ยน ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่มีการโยงใยกับวันที่ 14 สิงหาคมนี้ หรือกรณีของพรรคก้าวไกลที่มีการตัดสินวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ฉะนั้นขออย่าไปโยง เพราะจะทำให้เกิดความซับซ้อนและเข้าใจผิด เบี่ยงเบนความสนใจในประเด็นบางเรื่องที่เราต้องทำ ไม่อยากให้รัฐมนตรีทุกคนที่ทำงานอย่างเต็มที่มีความไขว้เขวในเรื่องนี้ ตนว่ามาทำงานกันดีกว่า
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า การปรับ ครม. พรรคร่วมรัฐบาลเดิมยังอยู่ครบหรือไม่ หรือจะนำของเก่าออกและเอาของใหม่เข้ามาบ้าง นายกรัฐมนตรีหยุดฟัง แต่ปฏิเสธตอบคำถาม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มีความหวาดระแวงหรือไม่ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีกระแสข่าวการปรับเปลี่ยนตัว จะมีคนในรัฐบาลเข้ามาแทนหากศาลตัดสินให้พ้นจากตำแหน่ง เศรษฐากล่าวว่า เรื่องการเมืองเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่ 314 เสียง มันก็เพียงพออยู่แล้ว ถ้ามัวแต่พะว้าพะวัง ไม่อยากให้ทุกคนที่ดูแลบ้านเมืองมาไขว้เขวกับเรื่องนี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าจะต้องดึงคนจากพรรคประชาธิปัตย์มาเพิ่มเพื่อให้ 314 เสียงแน่นขึ้น เศรษฐาส่ายศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้คิดเลย โยงใยเรื่องปรับ ครม. ดึงคนมาเสียบ และการดึงคนเข้าคนออกยังไม่มีในตอนนี้ เพราะปัญหาเยอะเหลือเกิน ซึ่งเราต้องช่วยเหลือกัน ท่านก็เห็นอยู่แล้วว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้างในทุกวัน และรัฐบาลก็ต้องเดินหน้าแก้ปัญหาต่อไป