ในสมัยนี้การจะเริ่มแบรนด์รองเท้าเป็นสิ่งที่ง่ายและฉาบฉวย แค่คุณมีดีไซน์ วัสดุ ฐานผลิต และช่องทางในการขายก็จบ แต่การจะเป็นที่ยอมรับ มีตัวตนที่ชัดเจน ไม่ไปซ้ำใคร และยืนหยัดอยู่ในตลาดอย่างยาวนาน นั่นแหละคือสิ่งที่ท้าทาย ซึ่งสำหรับแบรนด์รองเท้าสัญชาติอเมริกันอย่าง Sperry ก็ได้พิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่าแบรนด์ได้สร้างมาตรฐานของรองเท้าลำลองที่ทุกคนควรมีและไม่ใช่ใส่เพียงแค่เพื่อ ‘แฟชั่น’ แต่เพราะคุณสมบัติที่มากับรองเท้าทุกคู่

Sperry กำเนิดขึ้นในปี 1935 หลังจากที่ Paul Sperry เกิดลื่นไถลระหว่างอยู่บนเรือในค่ำคืนหนึ่งที่ปากแม่น้ำ Long Island Sound เขาจึงเกิดไอเดียว่าอยากให้มีรองเท้าสำหรับกิจกรรมทางเรือที่สามารถเกาะติดทุกพื้นผิว ไม่ว่าสภาพอากาศแปรปรวนขนาดไหน พอลเลยเริ่มศึกษาสิ่งรอบตัวเขาเพื่อหาแรงบันดาลใจและได้พบเจอในส้นเท้าของสุนัขพันธุ์ Cocker Spaniel ชื่อ Prince ของเขา ที่พอพลิกดูจะเห็นมีรอยแตกและเส้นเล็กๆ ซึ่งแม้จะวิ่งเล่นบนน้ำแข็ง เจ้า Prince ก็ไม่เคยลื่นล้มสักครั้ง จากจุดนี้พอลเลยตัดสินใจครีเอตรองเท้าพื้นยางที่มีการกรีดเส้นเข้าไปเหมือนที่เห็นบนเท้าสุนัขของเขา

ผลลัพธ์ที่เห็นก็คือรองเท้าที่สามารถช่วยไม่ให้ลื่นได้จริงๆ จนกลายเป็นที่มาของรองเท้าทรง Boat Shoes รุ่นแรกของโลก ซึ่งกำเนิดขึ้นภายใต้แบรนด์ Sperry และประสบความสำเร็จมากจนในปี 1939 ได้กลายเป็นรองเท้าทางการของทหารเรืออเมริกันช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แถมในหมู่เด็กมหาวิทยาลัยกลุ่ม Ivy League ของสหรัฐอเมริกาที่ช่วยบุกเบิกสไตล์การแต่งตัว Preppy ก็ได้ทำรองเท้า Boat Shoes ไปใส่กับชุดประจำวัน เช่น สูท Seersucker ซึ่งก็ช่วยให้แบรนด์ Sperry มีความลำลองมากขึ้นและไม่ได้เป็นรองเท้าทางการมากเกินไป

เราได้เห็นวิวัฒนาการของรองเท้าทรง Boat Shoes ของ Sperry มาโดยตลอด 83 ปีที่ผ่านมากับรูปแบบ ดีไซน์ เฉดสี และดีเทลใหม่ๆ ที่รังสรรค์สำหรับไลฟ์สไตล์ของผู้สวมใส่ ซึ่งจะเรียกว่าเป็นอีกหนึ่งไอเท็มตำนานแห่งสไตล์ก็ว่าได้ เพราะคนมีชื่อเสียงและทรงอิทธิพลต่อวัฒนธรรมการดำรงชีวิตของคนเราอย่างครอบครัว Kennedy ก็ใส่ประจำ และทำให้เห็นว่ารองเท้าของ Sperry เป็นมากกว่าเพียงสินค้าใส่เฉพาะฤดูกาลหรือแค่ตามเทรนด์ทุก 6 เดือน

สิ่งที่ทำให้รองเท้า Boat Shoes ของ Sperry พิเศษกว่าแบรนด์อื่นและเป็นออริจินัลอย่างแท้จริง เริ่มจากหนังที่ใช้ต้องเป็น Oil-Based ที่สามารถช่วยกันน้ำซึมได้, รองเท้าทุกคู่จะมีการเย็บด้วยมือตรงด้านหน้าเพื่อให้ทรงเข้ารูป, มีการร้อยเชือกรอบตัวรองเท้าแบบ 360 องศา Skip Lacing System ผ่านห่วงทองเหลืองสลักชื่อแบรนด์ และมีการใช้ส้นแบบ Beveled Heel เพื่อช่วยการทรงตัวกับทุกพื้นผิวที่เหยียบย่ำเป็นต้น ส่วนสีรองเท้าก็มีตั้งแต่ สีแทน สีน้ำตาล สีขาว และสีเนวี

แต่ Sperry เองก็ไม่นิ่งเฉยและโฟกัสความสำเร็จแค่รองเท้ารุ่น Boat Shoes อย่างเดียว เพราะทุกวันนี้อาณาจักรของ Sperry ก็ครอบคลุมสัดส่วนของสินค้าไลฟ์สไตล์ตั้งแต่หัวจรดเท้าตั้งแต่เสื้อผ้า แอ็กเซสซอรี ของใช้ประจำวัน และแน่นอนรองเท้าที่มีสนีกเกอร์ บู๊ต รองเท้าแตะ โลเฟอร์ และบู๊ตกันฝน ซึ่งกลุ่มสินค้าใน Sperry ทุกวันนี้จะแบ่งแยกประเภทได้ตามนี้

1. Top Sider: โฟกัสสินค้าที่คลาสสิก หยิบเรื่องราวของสินค้าดั้งเดิมของแบรนด์มาปรับเปลี่ยนใหม่ และดีไซน์ไอเท็มให้มีความโมเดิร์น เรียบนิ่ง และไร้กาลเวลา

2. Performance: สินค้ากลิ่นอายสปอร์ตที่ตอบโจทย์ชีวิตของคนที่แอ็กทีฟและใช้ความคล่องแคล่วตลอดเวลา ซึ่งแต่ละชิ้นที่รังสรรค์ขึ้นมาจะมีความเฉพาะ แฝงด้วยเรื่องเทคโนโลยีและความทนทาน เช่น รองเท้าไลน์ 7 Seas ที่ได้แรงบันดาลใจจากกีฬาเรือใบและได้นำไปใช้ในการแข่งขัน America’s Cup

3. Gold Cup: กลุ่มสินค้าพรีเมียมที่เน้นเรื่องราวงานฝีมือ สไตล์ และดีเทลโก้หรู

แต่แม้สินค้าของ Sperry จะถูกแบ่งแยกเป็นหมวดต่างๆ แต่หลักการของทุกชิ้นต้องมาพร้อมความประณีต ใส่สบาย มีความเรียบง่ายในดีไซน์ และทำมาจากวัสดุที่ทนทานคุ้มค่ากับการใช้งานและลงทุน จากรุ่น Boat Shoes ทางแบรนด์จึงแตกไลน์รองเท้าออกมาเป็นสนีกเกอร์เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ด้วย

สำหรับซีซัน Spring/Summer 2018 ทาง Sperry ได้เปิดตัวแคมเปญ Sperry Prep For All ที่อยากเปลี่ยนแปลงบริบทและก้าวข้ามความคิดที่ว่าสินค้าของแบรนด์เหมาะกับแค่คนแต่งตัวสไตล์ Preppy อย่างเดียว แต่ที่จริงแล้วใครๆ ก็สามารถหยิบเอาสินค้าของ Sperry มาสวมใส่ในสไตล์ที่เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด การที่นำเสนอความคิดนี้จะช่วยเปิดประสบการณ์ให้คนทุกเพศทุกวัย และทุกเชื้อชาติมีโอกาสสนุกกับ Sperry เห็นคุณค่าของ Sperry และหาจุดเชื่อมโยงไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนของโลก

“Sperry ไม่ใช่แบรนด์ที่วิ่งตามเทรนด์ แต่เราเชื่อเสมอว่าคุณค่าของเราอยู่ในสินค้าที่สามารถเติมเต็มและเข้าถึงคนจากต่างขอบเขตสังคม รุ่น และอายุ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เรากำลังมุ่งหวังและเฉลิมฉลองกับแคมเปญ Sperry Prep For All… ทาง Sperry ได้มองเห็นว่าสินค้าของเรามีความไร้กาลเวลาและมีความสากลที่สามารถเชื่อมต่อทุกเพศ สไตล์ และเชื้อชาติ ซึ่งใครๆ ก็สามารถใส่รองเท้าของเราและรู้สึกดี” Thomas Kennedy ประธานของ Sperry ได้กล่าวเอาไว้ ซึ่งเราก็ต้องนับถือและหวังว่าคนจะเห็นความสำคัญตรงนี้ เพราะแฟชั่นไม่ใช่เป็นสิ่งสำหรับแค่บางคน แต่สำหรับทุกคน เหมือนที่ Sperry เชื่อมั่นและพยายามแสดงให้เห็นผ่านแคมเปญต่างๆ เสมอมา