×

“ดีใจที่ได้มีวันนี้ ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งหนึ่ง” สรยุทธ เปิดใจหลังพ้นเรือนจำ ขอเวลาคิดหวนคืนหน้าจอ

14.03.2021
  • LOADING...
“ดีใจที่ได้มีวันนี้ ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งหนึ่ง” สรยุทธ เปิดใจหลังพ้นเรือนจำ ขอเวลาคิดหวนคืนหน้าจอ

เวลาประมาณ 07.45 น. ของวันนี้ (14 มีนาคม) คือวินาทีอิสรภาพอีกหน ของพิธีกรข่าวชื่อดัง ‘สรยุทธ สุทัศนะจินดา’ หลังถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 6 ปี 24 เดือนในคดีค่าโฆษณาเกินเวลามูลค่า 138 ล้านบาทของ บจก.ไร่ส้ม และ พนักงาน อสมท เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2563 ก่อนได้รับพระราชทานอภัยโทษ และได้รับการพักโทษด้วยเงื่อนไขกรณีมีเหตุพิเศษ โดยรวมระยะเวลาที่สรยุทธต้องถูกคุมขังในเรือนจำคือ 1 ปี 2 เดือน 6 วัน 

 

กางเกงขาสั้นสีขาว เสื้อโปโลคอปกสีน้ำเงิน และรองเท้าผ้าใบสีขาว คือเครื่องแต่งกายของสรยุทธในวันนี้ ผมสีดอกเลา และดูเหมือนว่าน้ำหนักร่างกายจะลดลงไปบ้าง เป็นรูปพรรณสัณฐานที่ปรากฏต่อสายตาสื่อ และสาธารณชนอีกครั้งแบบใกล้ชิด หลังได้รับการพักโทษ แต่ที่เพิ่มเติมในตัวสรยุทธคือ กำไลอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว หรือ กำไล EM ที่ติดไว้ที่ข้อเท้าของเขา “ไม่หนัก เดินได้ปกติ” สรยุทธอธิบายให้ THE STANDARD ฟังหลังใช้เวลาดำเนินการติดกำไลนี้อยู่ราวเกือบชั่วโมงครึ่ง ที่สำนักงานคุมประพฤติกรุงเทพมหานคร เขต 7 

 

สรยุทธจะต้องติดกำไล EM ไว้ที่ข้อเท้า เป็นระยะเวลา 14 เดือน ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2564 ถึง 20 พฤษภาคม 2565 และต้องรายงานตัวกับกรมคุมประพฤติตามกำหนดจนกว่าจะพ้นโทษคือในวันที่ 26 กรกฎาคม 2566 รวม 2 ปี 4 เดือน แต่ระหว่างนี้เขาสามารถประกอบอาชีพสุจริตได้

 

เวลาประมาณ 09.29 น. สรยุทธเดินออกมาจากสำนักงาน ยกมือไหว้สื่อมวลชน ก่อนมาที่โต๊ะแถลงข่าว ระหว่างนั้น ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้เข้ามาทักทายและมอบพระพุทธรูปหลวงพ่อโสธรให้ พร้อมกล่าวว่า “ขอให้กลับมาทำประโยชน์ให้สังคม ขอให้เอาพระ เอาธรรมะนำ”

 

ชูวิทย์ได้ถามสรยุทธว่า “อิสรภาพหอมหวลไหม” ก่อนที่สรยุทธจะตอบว่า “ก็ดีนะ หอมมาก หอมมาก” ชูวิทย์ยังถามต่อว่า “จะไปจัดรายการที่ช่องสามอีกเมื่อไร” สรยุทธ ตอบว่า “ขอคิดนิดหนึ่ง”

 

จากนั้น สรยุทธให้สัมภาษณ์เปิดใจว่า ตื่นเต้น และขอขอบคุณทุกฝ่าย รู้สึกดีใจที่ได้อิสรภาพอีกครั้งหนึ่งถึงแม้จะยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะสถานะในขณะนี้คือ ผู้ถูกคุมความประพฤติ ภายใต้กรมคุมประพฤติ แต่อย่างน้อยก็ได้ออกจากเรือนจำ ดีใจและขอบคุณที่ทุกคนไม่ลืมกัน 

 

“การอยู่ในเรือนจำมันก็ทุกข์ ชีวิตผมเคยคิดก่อนเข้าไปแล้วว่า อย่างน้อยก็จะได้จบสักที คดีความที่ต่อสู้มา 4-5 ปี หลังเข้าไปใช้ชีวิตในคุก มีชีวิตที่เรียกว่าติดลบมา วันนี้ก็ได้โอกาสที่จะกลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง ดีใจที่ได้มีวันนี้ ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งหนึ่ง ดีใจที่ยังไม่ลืมกัน ยังคิดถึงกันอยู่ ขอบคุณมากจริงๆ ครับ

 

“ทำอย่างอื่นไม่เป็นครับ แต่ว่าก็ยังขอสักนิดหนึ่งว่าเมื่อไร อย่างไร เพราะจริงๆ โลกมันเปลี่ยนไปเยอะ แต่ว่าจะยังช่วยเรือนจำทำรายการ เรื่องเล่าชาวเรือนจำ อยู่ เพราะได้ทำแล้วก็มีความสุข” สรยุทธตอบคำถามสื่อ เมื่อถูกถามถึงอนาคตในการปรากฏตัวเองบนหน้าจออีกครั้ง

 

ขณะที่สรยุทธยังยืนยันด้วยว่า ตนเองจะยังอยู่ช่องสามร้อยเปอร์เซ็นต์

 

“ผมอยู่ในนั้นปีกว่า เข้าไปมันก็เคว้งคว้าง แต่ถึงเวลาผมดีอยู่อย่างหนึ่งคือ ไม่ได้เกิดมาสบาย การกิน การอยู่ การนอน ก็ปรับตัวได้ไม่ช้านัก แต่ก็แน่นอนมันไม่ได้สบาย ความทุกข์มันอยู่ที่จิตใจ อิสรภาพ แต่ทางกายก็ปรับตัวไป ต่อมาก็มีสถานการณ์โควิด-19 เกิดการจลาจลที่บุรีรัมย์ อันเนื่องมาจากนักโทษแตกตื่นว่าโควิด-19 ระบาด ก็ได้ทำรายการเพื่อสร้างความเข้าใจให้ผู้ต้องขัง พอได้จัดรายการก็ทำให้เวลามันผ่านไปได้ไม่ยากนัก และมีความสุขกับการทำพอประมาณ คนในเรือนจำมันมีความทุกข์นะ ถ้าเราทำให้คนมีความทุกข์ได้ยิ้มบ้าง มันก็มีความสุข” สรยุทธเล่าถึงวันวานในเรือนจำเพิ่มเติม 

 

“การจะออกมาสู่โลกภายนอกแล้วทำงานอะไร ขอคิดนึดหนึ่ง เพราะว่าไม่ได้ทำงานมา 5 ปีกว่าตั้งแต่มีคดี และทำอย่างอื่นไม่เป็น เพราะฉะนั้น โลกในสมัยที่ผมทำ ผมทำในช่วงที่คนสมัยนั้นไม่ดูข่าว คือสมัยนั้นถึงเวลาข่าวเปลี่ยนช่อง ผมทำให้คนสมัยนั้นหันมาดูข่าว แต่วันนี้ผมยังไม่รู้ว่าข้างนอกเป็นอย่างไร เพราะข่าวมันเต็มไปหมด แล้วเราจะทำอย่างไรให้คนดูข่าวแบบที่เราคิด ยังงงๆ อยู่ จึงขออนุญาตกลับไปคิดก่อน ปรับตัวก่อน”

 

เมื่อถามว่าวันนี้จะทำอะไรก่อนเป็นสิ่งแรก “จะกลับไปไหว้แม่ก่อนครับ ไปไหว้รูปแม่ผม” สรยุทธกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ 

 

“เขา (ชูวิทย์) บอกผมอยู่สามคำก่อนเข้าไปว่า อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้ ก็ต้องเป็นอย่างนั้น แต่ที่ผมไปเรียนรู้มาในเรือนจำคือ กินให้อิ่ม นอนให้อุ่น ลุ้นอภัย (พระราชทานอภัยโทษ)” สรยุทธตอบคำถามสื่อเมื่อถามว่าชูวิทย์ได้แนะนำ และนำไปใช้ในเรือนจำอย่างไร

 

เมื่อถามถึงข้อกำหนดการคุมประพฤติที่ห้ามแสดงความคิดเห็นทางการเมือง สรยุทธ กล่าวว่า “การจัดรายการภายใต้จรรยาบรรณ การเสนอข่าวปกติ ก็คือการประกอบอาชีพสุจริต จะไม่พูดถึงการเมืองคงไม่ใช่อาชีพปกติ สามารถอ่านข่าวทางการเมืองได้”

 

สรยุทธกล่าวถึงโครงการพักโทษว่า ส่วนตัวมองเป็น 2 แบบ คื หากเป็นผู้ต้องหาในคดีอุกฉกรรจ์ ขอทุกคนอย่าทำ เพราะถ้าเข้าเรือนจำไปแล้วจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต เพราะจะไม่ได้รับการอภัยโทษเลย ส่วนอีกแบบ คือทุกคนมีโอกาสทำผิดพลาด และต้องเข้ามาอยู่ในเรือนจำ แต่เมื่อต้องออกจากเรือนจำขอทุกคนอย่าอคติ และให้โอกาส เพราะถ้าให้โอกาสเชื่อว่าจะเป็นพลังของสังคม แต่หากไม่ให้โอกาสจะทำให้เป็นภาระของสังคม ซึ่งโครงการนี้ถือเป็นการให้โอกาสอีกครั้ง แต่เมื่อออกมาแล้วก็ต้องพิสูจน์ตัวเองด้วย

 

ทั้งนี้ ในช่วงท้ายของการแถลงข่าวสรยุทธ ได้โชว์รองเท้าที่เป็นการแกะลายด้วยมือ เป็นลายสโมสรลิเวอร์พูล จากเพื่อนนักโทษในเรือนจำ ตนเองจึงขอนำกลับออกมาเป็นที่ระลึกด้วย

 

สำหรับบรรยากาศ มีครอบครัว คนใกล้ชิดมารอต้อนรับและแสดงความยินดี อย่างเช่น ทีมงานรายการ เรื่องเล่าเช้านี้, ไบรท์-พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ, หมวย-อริสรา กำธรเจริญ, ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์, ตัน ภาสกรนที, อุดม แต้พานิช, เจริญพร อ่อนละม้าย หรือ โก๊ะตี๋,โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร

 

ด้านว่าที่ ร.ต. ธนกฤต จิตรอารีรัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติ กล่าวย้ำว่า การติดกำไล EM เป็นการติดฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ถ้าใครเรียกรับเงินให้แจ้งความดำเนินคดีได้ทันที 

 

ส่วนการพักโทษนั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนได้รับโอกาส แต่จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของการพิจารณา ซึ่งสรยุทธถือเป็นบุคคลที่ทำคุณประโยชน์ให้กับราชทัณฑ์ จึงเข้าเกณฑ์ของการพักโทษ แต่ยังต้องได้รับการคุมประพฤติและติดกำไล EM จนกว่าจะครบกำหนดโทษ 

 

พร้อมยืนยันว่าสรยุทธในขณะที่อยู่เรือนจำ ได้ปฏิบัติตัวเหมือนนักโทษทั่วไป ไม่ได้เป็นบุคคลวีไอพีแต่อย่างใด ส่วนเงื่อนไขการพักโทษนั้น ให้ทำงานในอาชีพสื่อมวลชนได้ตามปกติ กำหนดให้อยู่ภายในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล หากต้องการออกนอกพื้นที่ต้องทำเรื่องอนุญาตต่อกรมคุมประพฤติล่วงหน้า 3 วัน

 

ขณะที่ วิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมควบคุมประพฤติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สรยุทธต้องรายงานตัวต่อกรมควบคุมประพฤติทุกเดือน ซึ่งกำไล EM เป็นเครื่องมือที่จะช่วยติดตามตัว โดยเงื่อนไขการพักโทษต้องไม่ให้เข้าใกล้เรือนจำ ไม่ให้ขึ้นเครื่องบิน หากมีความจำเป็นต้องขออนุญาต ไม่ประกอบอาชีพ หรือทำธุรกิจ หรือธุรกรรมกับบุคคลที่มีคดีความ ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ไม่ให้เป็นพิธีกรหรือโฆษกในงานที่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง แต่สามารถให้ข้อมูลข่าวสารภายใต้จรรยาบรรณของวิชาชีพได้ตามปกติ

 

พร้อมย้ำว่าขณะที่อยู่ในเรือนจำ สรยุทธถูกปฏิบัติเหมือนนักโทษคนอื่นๆ ไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ 

 

สำหรับสรยุทธถือเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม ได้รับพระราชทานอภัยโทษ โดยการลดโทษมาแล้ว 2 ครั้งเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2563 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2563 กำหนดโทษหลังสุด 3 ปี 6 เดือน 20 วัน แต่จำคุกมาแล้ว 1 ปี 2 เดือน 6 วัน คงเหลือโทษจำคุก 2 ปี 4 เดือน 14 วัน จากโทษเดิม 6 ปี 24 เดือน สรยุทธจึงถือเป็นนักโทษที่รับโทษจำคุกมาแล้วระยะหนึ่ง และมีคุณสมบัติครบตามหลักเกณฑ์การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising