ตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมมูลค่า 5.7 หมื่นล้านบาทแข่งเดือด ‘โค้ก-เป๊ปซี่’ เดินหน้าส่งแคมเปญใหม่ ฝั่ง ‘เอส โคล่า’ ปรับแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี ดึงพรีเซนเตอร์ไทย-เกาหลี เจาะกลุ่ม Gen Z หวังช่วงชิงยอดขายฤดูร้อน
ในช่วงโควิดตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมเติบโตไม่ค่อยจะสู้ดีนัก สาเหตุหลักมาจากเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ไม่เป็นใจ แต่เมื่อทุกอย่างคลี่คลายลง เครื่องดื่มน้ำอัดลมที่มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 5.7 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนน้ำดำ 70% และน้ำสี 30% เริ่มมีการเติบโต 2.2% จากการออกมาทำตลาดของแบรนด์ต่างๆ ที่ช่วยกระตุ้นให้ภาพรวมปรับตัวดีขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ทั้งนี้ ปัจจุบันอัตราการบริโภคเครื่องดื่มน้ำอัดลมหนึ่งคนอยู่ราวๆ 1 ลิตรต่อเดือน แน่นอนว่าทุกค่ายต่างเร่งสร้างการเติบโต เพื่อสร้างยอดขายและรักษาส่วนแบ่งตลาดเอาไว้ ปัจจุบันตลาดมีผู้เล่นรายใหญ่ ประกอบไปด้วย โค้ก ถือส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 อยู่ที่ 51% ตามด้วยเป๊ปซี่ 37% และเอส โคล่า อยู่ในอันดับ 3 ของตลาด ด้วยส่วนแบ่งตลาดราว 8%
โดยเฉพาะในฤดูร้อนหรือช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ถือเป็นหน้าขายสำคัญของสินค้าประเภทเครื่องดื่มทุกชนิด ที่จะเข้าสู่ช่วงพีคที่มียอดขายสูงที่สุดเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ทำให้ความต้องการของการดื่มเครื่องดื่มมีมากกว่าช่วงเวลาอื่นๆ
เพื่อรับกับโอกาสดังกล่าว ทำให้ ‘เอส โคล่า’ เริ่มออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในปี 2555 ล่าสุดได้ปรับแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี
สุภรณ์ เด่นไพศาล ผู้อำนวยการสำนักการตลาด สายธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ประเทศไทย บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด กล่าวว่า ในช่วงฤดูร้อนตลาดน้ำอัดลมจะกลับหวือหวาหรือเติบโตในรอบ 3 ปี จากการท่องเที่ยวและร้านอาหารที่เปิดให้บริการ รวมถึงการจัดอีเวนต์ต่างๆ แน่นอนว่าจะได้เห็นแคมเปญใหม่ๆ จากตลาด และอาจมีการแข่งขันกันอย่างหนัก
สำหรับ ‘เอส โคล่า’ การปรับเปลี่ยนแบรนด์ในครั้งนี้ เราได้ปรับสูตรเครื่องดื่มใหม่ตามรีเสิร์ชที่ได้มาจากกลุ่มผู้บริโภค ควบคู่กับการออกแบบโลโก้บนบรรจุภัณฑ์ใหม่ให้มีสีสันมากขึ้น และยังสะท้อนกลิ่นอายความเป็นโมเดิร์นแบบเอเชีย
พร้อมทุ่มงบการตลาด 150 ล้านบาท ดึง ชาอึนอู, โบกี้ไลอ้อน, Yes Indeed และนักวอลเลย์บอลหญิงมาเป็นพรีเซนเตอร์กลุ่มใหม่ โดยวางเป้าหมายขยายกลุ่มผู้บริโภค Gen Z ทั้งในไทยและเอเชียเพิ่มขึ้น
ต้องยอมรับว่าเอส โคล่า ยังมีส่วนแบ่งตลาดไม่มากนัก จึงต้องเร่งทำการตลาด ซึ่งเชื่อว่าชื่อเสียงของพรีเซนเตอร์จะช่วยทำให้แบรนด์เป็นตัวเลือกอันดับแรกๆ ของ Gen Z เพราะที่ผ่านมาหลังจากที่ควงบอยแบนด์จากเกาหลี GOT7 เพื่อตอกย้ำการรับรู้ ทำให้มีฐานลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม เอส โคล่า ไม่ได้โฟกัสแค่พรีเซนเตอร์ชื่อดังจากเกาหลีใต้เท่านั้น แต่จากนี้เราจะบาลานซ์ทั้งคนไทยและต่างชาติที่กำลังมีกระแสตอบรับดีเข้ามาช่วยเสริมทัพแบรนด์
ด้านความเคลื่อนไหวของเครื่องดื่มโค้ก กลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ในประเทศไทย ล่าสุดได้เปิดตัวแคมเปญ โค้ก ‘ลุ้นซ่ากับ K-Pop’ เปิดให้ผู้บริโภคร่วมกิจกรรมผ่านการซื้อผลิตภัณฑ์โค้ก แฟนต้า และสไปรท์ ชนิดขวดพลาสติกจากร้านค้าที่ร่วมรายการ สแกน QR Code ข้างขวด ลงทะเบียนและกรอกรหัสใต้ฝาเพื่อลุ้นรางวัลบินไปเที่ยวที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
หากย้อนไปในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา โค้กได้เปิดตัวรสชาติและคอลเล็กชันใหม่ๆ ออกมากระตุ้นตลาดอยู่เป็นระยะๆ เริ่มตั้งแต่โค้ก พลัส คอฟฟี่ ซึ่งเป็นเครื่องดื่มโค้กผสานกับกาแฟโรบัสต้าเข้าเจาะกลุ่มคอกาแฟ
และอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญคือการเปิดตัวพรีเซนเตอร์ใหม่ๆ เห็นได้จากที่ผ่านมาก็มี นิชคุณ จากวง 2PM, เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ และ เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนรุ่นใหม่ที่เป็นคนไทยและมีชื่อเสียงในช่วงนั้นๆ เข้ามาสร้างสีสันให้กับแบรนด์
ขณะที่เป๊ปซี่ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด คู่แข่งอีกหนึ่งราย ได้เดินหน้ากลยุทธ์ Music Marketing โดยดึงตัว 6 หนุ่มสุดฮอตวง PROXIE นั่งแท่นพรีเซนเตอร์แคมเปญ ‘เป๊ปซี่ เปิดโหมดซ่าท้าร้อน’ เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์วัยรุ่นและสร้างสีสันในช่วงฤดูร้อน พร้อมเตรียมออกแบบแพ็กเกจจิ้งคอลเล็กชันจำนวน 4 ลายให้เก็บสะสม และจัดกิจกรรมทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์อย่างต่อเนื่อง
กลยุทธ์ที่ทุกค่ายงัดมาใช้ปี 2566 ไม่ใช่แค่เรื่องของรสชาติใหม่หรือโปรโมชันเท่านั้น แต่กลับเป็นการเลือกพรีเซนเตอร์ที่มีฐานแฟนจำนวนมากเข้ามาช่วยผลักดันให้แคมเปญสามารถดึงคนรุ่นใหม่ได้
เรียกได้ว่าตลาดมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง และยิ่งไปกว่านั้น วันนี้เครื่องดื่มน้ำอัดลมไม่ได้แข่งขันแค่เพียงผู้เล่นด้วยกันเองแล้ว แต่ยังต้องต่อสู้กับเครื่องดื่มสุขภาพที่กำลังเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญที่อาจทำให้ผู้บริโภคดื่มน้ำอัดลมลดลง หรือหันไปดื่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพประเภทอื่นแทน ซึ่งเริ่มเห็นได้จากเครื่องดื่มน้ำอัดลมสูตรไม่มีน้ำตาลที่มีส่วนแบ่งตลาดราวๆ 10% แม้จะดูเหมือนน้อย แต่กลับมีการเติบโตสูงถึง 36% จนทำให้ ‘อิชิตัน’ กระโดดเข้ามาในตลาดด้วยการส่งแบรนด์ใหม่ ตันซันซู (TANSANSU) เครื่องดื่มน้ำอัดลมสไตล์เกาหลี ไม่มีน้ำตาล โดยมีเป้าหมายจับกลุ่ม Gen Z
นับเป็นที่น่าจับตาดูว่าในช่วงโค้งแรกไปจนถึงปลายปี ผู้เล่นรายใหญ่จะปล่อยหมัดเด็ดอะไรเข้ามาสู้ศึกการแข่งขันที่นับวันยิ่งดุเดือดมากขึ้น