×

ไขข้อข้องใจ นอนหลับอย่างไรให้ปลอดสิวและผิวไม่พัง

28.01.2019
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

3 Mins. Read
  • จากรายงานของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า คนไทยมากถึง 1 ใน 3 มีปัญหาเรื่องการนอน ซึ่งนอกจากความดัน อ้วน มะเร็งแล้ว ก็มีสิวและปัญหาผิวพรรณที่เป็นผลเสียจากการอดหลับอดนอน
  • งานวิจัยพบว่า การนอนที่น้อยลงประกอบกับความเครียดที่เพิ่มขึ้น มีส่วนทำให้สเตียรอยด์ธรรมชาติในร่างกายลดลง ซึ่งทำให้ผิวเกิดการอักเสบ แพ้ง่ายตามมา

‘นอนดึก’ ผลลัพธ์เท่ากับ ‘สิว’ และ ‘ผิวพัง’

 

แก่ หน้าเหี่ยว ภูมิคุ้มกันลด หิวบ่อย น้ำหนักขึ้น ตาดำคล้ำ สติไม่อยู่กับตัว

 

เหล่านี้คือนิยามของการนอนดึกที่สาวๆ หลายคนรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่มากกว่านั้น การนอนดึกยังเป็นอีกสาเหตุสำคัญของปัญหาผิวพรรณ โดยเฉพาะการเกิด ‘สิว’ ไม่จำกัดว่าจะต้องเกิดกับวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ และแม้สิวจะเป็นเพียงเม็ดเล็กๆ ที่ดูเหมือนเรื่องเล็กน้อย แต่ก็สามารถสร้างความไม่มั่นใจให้ใครหลายคนได้ไม่น้อยเช่นกัน

 

ยิ่งในรายที่เป็นสิวเรื้อรัง เป็นแล้วเป็นใหม่ สร้างรอยแผลเป็นบนใบหน้าอย่างไม่รู้จักจบสิ้น ก็ยิ่งส่งให้ความไม่มั่นใจเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ซึ่งแนวทางการรักษานั้น นอกจากการพบแพทย์ กินยา ทายาแล้ว การนอนหลับอย่างมีคุณภาพคืออีกความลับที่ทำให้สุขภาพผิวพรรณและปัญหาสิวดีขึ้นแทบทันตาเห็น

 

ทั้งนี้จากรายงานของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า คนไทยมากถึง 1 ใน 3 มีปัญหาเรื่องการนอน ซึ่งนอกจากโรคความดัน โรคอ้วน และโรคมะเร็งแล้ว ก็มีปัญหาสิวและปัญหาผิวพรรณที่เป็นผลเสียจากการอดหลับอดนอน ส่วนเหตุที่ว่าทำไมการนอนถึงมีผลลัพธ์โดยตรงเท่ากับการเกิดสิวและผิวพรรณนั้น เรามีคำตอบ

 

อดนอนเป็นความเครียดชนิดหนึ่ง

‘ทุกๆ ชั่วโมงที่คุณเสียการนอน จะทำให้ความเครียดเพิ่มขึ้น 14%’*

 

การอดนอน นอนไม่หลับ คือความเครียดชนิดหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม สังเกตได้ว่าวัยรุ่นช่วงใกล้สอบนั้น สิวเม็ดเล็กๆ มักจะผุดขึ้นมาราวดอกเห็ดก็ไม่ปาน ทั้งนี้เพราะการอดนอนทำให้เกิดความเครียด และความเครียดนี่เองที่มีผลต่อระดับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งมีเอฟเฟกต์โดยตรงกับสิวนั่นเอง ซึ่งทาง Stanford University ก็เคยทำวิจัยเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2003 เพราะสังเกตเห็นว่านักศึกษามักจะมีอาการสิวเห่อกันในฤดูกาลสอบ ซึ่งจากการวิจัยพบว่า สาเหตุหลักมาจากเซลล์ที่สร้างเอ็นไซม์ย่อยน้ำมัน (Sebum) ในตุ่มสิวสามารถรับฮอร์โมนความเครียดได้อย่างอัตโนมัติ ซึ่งเมื่อรับความเครียดเข้ามา ก็จะไปกระตุ้นการสร้างน้ำมันที่มากเกินจำเป็น ทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดี กลายเป็นการอักเสบของสิวที่เพิ่มขึ้น เห่อขึ้นเต็มหน้าอย่างทันตา

 

อดนอน สาเหตุผิวอักเสบ แพ้ง่าย

ร่างกายคือความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของธรรมชาติ และที่มหัศจรรย์ยิ่งกว่าก็คือ ร่างกายได้สร้างฮอร์โมนสเตียรอยด์ธรรมชาติ หรือ Glucocorticoids ที่ช่วยต้านการอักเสบ และมีผลโดยตรงต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งแน่นอนว่าการที่ Glucocorticoids ทำงานผิดปกติย่อมเป็นสาเหตุของการเกิดสิว ซึ่งจากงานวิจัยพบว่า การนอนที่น้อยลงประกอบกับความเครียดที่เพิ่มขึ้น มีส่วนทำให้สเตียรอยด์ธรรมชาติในร่างกายลดลง ซึ่งทำให้ผิวเกิดการอักเสบ แพ้ง่ายตามมา

 

อดนอนลดระดับคอลลาเจน

สังเกตไหมว่าช่วงไหนที่นอนไม่หลับ อดนอน นอนน้อย ผิวหนังของเราจะแห้งเหี่ยวฉับพลัน แม้จะโบกครีมอะไรเข้าไปก็ตาม ตรงกันข้าม เมื่อเรานอนอย่างมีคุณภาพ ผิวกลับเปล่งปลั่งขึ้นมาอย่างน่าประหลาด นั่นเป็นเพราะเมื่อเรานอนหลับสนิท การผลัดเซลล์ผิวจะทำงานได้อย่างดีเยี่ยม แถมฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) จะลดลง ซึ่งเป็นการช่วยฟื้นฟูผิวระหว่างวัน เพราะฮอร์โมนคอร์ติซอลตัวนี้นี่แหละคือศัตรูร้ายของคอลลาเจน เพราะถ้าร่างกายหลั่งออกมามากไป ก็จะไปลดระดับคอลลาเจน ทำให้ผิวไม่แข็งแรง เหี่ยวย่น ไม่เปล่งปลั่ง ทำลายความกระชับของผิวได้ทันตาเห็น

 

อดนอนทำลายกำแพงผิว

หากพูดเรื่องของผิวพรรณนั้น สารเมลาโทนิน (Melatonin) ถือได้ว่ามีบทบาทสำคัญเปรียบเหมือนกำแพงปกป้องผิวจากสารอนุมูลอิสระต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าร่างกายจะสามารถสร้างสารเมลาโทนินได้ดีที่สุดในเวลากลางคืน ขณะที่ร่างกายหลับสนิท ซึ่งการอดนอน นอนไม่ได้คุณภาพ ย่อมแปรผันตรงกับการทำให้สารเมลาโทนินลดลง เกิดเป็นการอักเสบของผิว สิว และผิวแพ้ง่ายตามมา

 

นอนนานแต่หลับไม่สนิท อีกสาเหตุผิวพัง

หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่า ทำไมนอนนานตั้ง 8 ชั่วโมง แต่ผิวกลับเหี่ยวย่น ไม่เปล่งปลั่ง คำตอบชัดเจนมาก เพราะงานวิจัยทั้งหลายต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า การนอนหลับสนิทเพียง 4-5 ชั่วโมงได้ความสดชื่นใกล้เคียงกับ 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว เพราะลำดับการนอนของมนุษย์เราแบ่งเป็น 2 ช่วงใหญ่ๆ คือ ช่วง REM (Rapid Eye Movement) และช่วง Non-REM (Non Rapid Eye Movement) โดย REM หมายถึงช่วงที่เราหลับแต่ตายังเคลื่อนไหวไปมา ซึ่งสมองจะทำงานใกล้เคียงกับตอนตื่น แต่หากหลับลึกแบบ Non-REM ร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย บอกลาปัญหาผิวแก่เกินวัย หย่อนคล้อยไปได้เลย

 

Healthy Tips: เราควรนอนวันละกี่ชั่วโมง

  • วัยแรกเกิด (แรกคลอด ถึง 3 เดือน) ควรนอน 14-17 ชั่วโมง
  • วัยทารก (4 เดือน ถึง 1 ปี) ควรนอน 12-15 ชั่วโมง
  • วัยเตาะแตะ (1-2 ปี) ควรนอน 11-14 ชั่วโมง
  • วัยก่อนเข้าเรียน (3-5 ปี) ควรนอน 10-13 ชั่วโมง
  • วัยเข้าโรงเรียน (6-13 ปี) ควรนอน 9-11 ชั่วโมง
  • วัยรุ่น (14-17 ปี) ควรนอน 8-10 ชั่วโมง
  • วัยผู้ใหญ่หรือวัยทำงาน (18-64 ปี) ควรนอน 7-9 ชั่วโมง
  • วัยผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) ควรนอน 7-8 ชั่วโมง

 

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว หนุ่มๆ สาวๆ ควรให้ความสำคัญกับการนอนหลับอย่างเต็มอิ่มและมีคุณภาพมากขึ้น นอกจากจะเป็นผลดีต่อสุขภาพแล้ว ยังมีส่วนช่วยลดปัญหาสิวอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย และเพื่อเป็นการป้องกันสิวอีกทางหนึ่ง แนะนำให้เลือกครีมบำรุงผิวที่สามารถควบคุมการเกิดสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถใช้ได้ทุกวัน เช่น Tomei Facial Moisturizer ที่ใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน มีCeramides Complex ช่วยฟื้นฟูผิว และมีสารยับยั้งเชื่อ P.ances ช่วยป้องกันการเกิดสิวใหม่ อ่อนโยน ปราศจากแอลกอฮอล์ น้ำหอม และพาราเบน

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

  • กระทรวงสาธารณสุข, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, www.webmd.com
  • ข้อมูล ‘ทุกๆ ชั่วโมงที่คุณเสียเสียการนอน จะทำให้ความเครียดเพิ่มขึ้น 14%’ จาก www.webmd.com
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising