ดูเหมือนว่าปัจจุบันเรื่องของไลฟ์สไตล์กลายเป็นประเด็นหลักที่หลายภาคธุรกิจให้ความสนใจ และร่วมกระโดดเข้าสู่แบรนดิ้งไลฟ์สไตล์มากกว่าเดิม เพราะในที่สุดแล้วมนุษย์อย่างเราจะใช้ชีวิตให้ไม่น่าเบื่อ ก็ต้องหันมาพึ่งการใช้ชีวิตดีๆ มาคั่นชีวิตที่วุ่นวายระหว่างสัปดาห์ เช่นเดียวกับแสนสิริที่จับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มานานในตลาดไทย โกอินเตอร์ และวันนี้ก็ได้กลับมาไทยพร้อมโปรเจกต์ใหม่ที่ไม่ขายบ้าน แต่เน้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ ด้วย Siri House (สิริเฮาส์) หลังที่สอง ในซอยสมคิด หลังจากที่ริเริ่ม Siri House หลังแรกที่สิงคโปร์
ร้านดอกไม้ The Heart of SIRI by Heartmade และร้าน Olympic Digger
แฟล็กชิปแห่งใหม่ล่าสุดนี้เป็นพื้นที่สังสรรค์และผ่อนคลายใจกลางย่านชิดลม ท่ามกลางความกว้างขวางกว่า 1,600 ตารางเมตร ให้กลายเป็นทั้งแหล่งกินดื่ม ร้านค้า พื้นที่จัดแสดงงานศิลปะ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ตลอดจนการเป็นไลฟ์สไตล์ใหม่ให้กับคนเมือง จะมานั่งทำงานที่คาเฟ่ระหว่างวัน หรือยกโน้ตบุ๊กไปทำงานต่อที่สวนริมสระว่ายน้ำหลังบ้าน ต่อด้วยดินเนอร์สักทุ่มกว่า แล้วขึ้นไปเมาท์มอยกับเพื่อนฝูงที่บาร์ ทั้งหมดนี้สามารถเกิดขึ้นได้ที่ Siri House ที่เดียว
บ้านเก่าหลังใหญ่ที่ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นคลับของคนเมือง
The Vibe
จากบ้านเก่าแก่ของหนึ่งในราชสกุล ได้รับการต่อเติมและตกแต่งใหม่ แต่ยังคงกลิ่นอายความงามตามกาลเวลา เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดของร้านเป็นทั้งของวินเทจ และสั่งทำพิเศษให้เข้ากับการออกแบบสไตล์ Mid-Century Modern ตัวบ้านมีสองชั้น ด้านล่างเป็นร้านกาแฟ Luka มาเปิดสาขาที่สาม และมาพร้อมกาแฟหลากหลายเบลนด์ รวมถึงกิจกรรมคอฟฟี่มาสเตอร์คลาสและสอนทำ Cupping สำหรับผู้สนใจกาแฟ
ร้านดอกไม้และเชฟชาร์ลีแห่งร้าน Quince
ข้างๆ กันเป็นมุมขายของที่คัดสรรพิเศษให้เข้ากับความเป็น Siri House มีทั้งแผ่นเสียงจาก Olympic Digger คอลเล็กชันหนังสือศิลปะ ไลฟ์สไตล์ แฟชั่น ฯลฯ จาก The Booksmith และร้านดอกไม้สุดเก๋ The Heart of SIRI by Heartmade ถัดเข้าไปจะพบกับห้องรับประทานอาหารและครัวเปิด ซึ่งดูแลโดย Quince ร้านอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน ที่เน้นกรรมวิธีการปรุงอาหารแบบอบด้วยถ่านไม้ และการย่างจากฝีมือเชฟชาร์ลี โจนส์
เลือกที่นั่งเหมาะๆ แล้วอ่านหนังสือหรือสั่งอะไรมาดื่มคงดีไม่เบา
เปิดประตูออกไปหลังบ้านเป็นสวนเล็กๆ บรรยากาศชิลๆ พร้อมสระว่ายน้ำที่ไม่ได้มีไว้โชว์อย่างเดียว แต่ลงเล่นได้จริง แถมมีผ้าเช็ดตัวและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกพร้อมสรรพ จะหอบงานมานั่งทำ จิบกาแฟหรือค็อกเทลกับก๊วนเพื่อน หรือจัดปาร์ตี้ก็ทำได้ทั้งนั้น
ค็อกเทลเย็นเจี๊ยบพร้อมเสิร์ฟ
The Dishes & The Drinks
ขึ้นไปที่ชั้นสอง ในช่วงกลางวันบริเวณนี้จะเป็นเลานจ์เฉพาะสมาชิก Sansiri Priority แต่หลังห้าโมงเย็นจะพลิกโฉมเป็น Jacqueline ค็อกเทลบาร์บรรยากาศคลาสสิกและผ่อนคลาย ผสมผสานระหว่างการชงมาร์ตินีสไตล์อเมริกันยุค 1920 กับความร่วมสมัย และความอ่อนหวานของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ซึ่งได้ทีมงานผู้อยู่เบื้องหลังค็อกเทลบาร์ และบาร์ชื่อดังอย่าง Iron Balls, Cactus, Sing Sing Theatre และ Maggie Choo’s เป็นผู้สร้างสรรค์เมนูให้ที่นี่
Camera Girl จากเหล้าจิน และ Black Truffle Chicken Liver Parfait
เราแนะนำให้นั่งจิบอะไรสักหน่อยก่อนที่จะไปดินเนอร์ แนะนำซิกเนเจอร์ค็อกเทล Camera Girl (320 บาท) เครื่องดื่มสีชมพูหวานแหววที่เบสด้วยเหล้าจินแก้วนี้มีกลิ่นหอมจากดอกไม้และเหล้าสมุนไพร แถมยังได้รสชาติสดชื่นจากเสาวรส เกรปฟรุต และมะนาวอีกด้วย
สำหรับสายเข้ม ต้องสั่ง Paparazzo (340 บาท) เนโกรนีค็อกเทลเสิร์ฟพร้อมมะกอกดองเสียบไม้สไตล์มาร์ตินี รสเข้มของเหล้าตัดกับความเค็มเป็นระยะ ดื่มง่ายกว่าเดิม หรือจะเป็นคลาสสิกค็อกเทลเบาๆ อย่าง Bee’s Knees (320 บาท) ก็โอเคกับทั้งชายและหญิง รสชาตินำด้วยความสดชื่นของเลมอนกับน้ำผึ้ง แฝงกลิ่นหอมและรสขมปลายลิ้นของเหล้าจิน
Paparazzo สำหรับคนชอบเนโกรนิ และ Black Truffle Tarte Flambee
พร้อมรับระทานอาหารแล้ว ก็ลงมาต่อกันที่ Quince ซึ่งเมนูส่วนใหญ่จะเน้นการอบและย่างจากเชฟมากประสบการณ์ อาทิ Black Truffle Tarte Flambee (750 บาท) ทาร์ตแป้งบางกรอบ ขอบไหม้เกรียม หน้าตาคล้ายพิซซ่า ท็อปด้วยไวต์ชีส แรกเลตต์ชีส เบคอนรมควัน และเห็ดทรัฟเฟิลดำ สัมผัสกรุบกรอบของขอบทาร์ตเข้ากับรสนุ่มนวลจากชีสและเบคอน แถมมีกลิ่นหอมทรัฟเฟิลเตะจมูก Hay Smoked Kingfish Hamachi (390 บาท) ปลาฮามาจิหมักเครื่องเทศแล้วนำไปรมควันหอมฉุย เสิร์ฟในเดรสซิ่งรสส้มแทรกด้วยหยดเฟนเนลพิวเร แย่งกันจิ้มกินคนละชิ้นไม่พอแน่นอน
Black Truffle Chicken Liver Parfait (390 บาท) ตับไก่บดผสมทรัฟเฟิลเนื้อเนียนนุ่ม เพิ่มความหอมและรสหวานอ่อนๆ ด้วยไวน์แดงและพอร์ตไวน์ โรยหน้าด้วยถั่วบดและเยลลีส้มแมนดาริน ปาดขนมปังซาวร์โดกินเรียกน้ำย่อย Burnt Beetroot Carpaccio (290 บาท) บีทรูทอบร้อนกับถั่วบดและโยเกิร์ตรมควัน จานนี้สั่งมาเพื่อตัดรสชาติและแก้เลี่ยน แล้วอย่าลืมเพิ่มรสครีมมี่ให้กับมื้อด้วยมะเดื่อกับชีส BBQ Chiang Mai Figs (350 บาท) ชีสสดสัมผัสนุ่มลื่นกินกับมะเดื่อสดจากเชียงใหม่ โรยถั่วและน้ำผึ้งดอกลำไยให้มีรสหวาน
Burnt Beetroot Carpaccio บีทรูทอบร้อนกับถั่วบดและโยเกิร์ตรมควัน
และ WX Ranger Valley Wagyu O.P. Rib
หากชื่นชอบซีฟู้ด ทางร้านยังมี BBQ Octopus (310 บาท) หนวดปลาหมึกย่างราดซอสเนยสไปซีปาปริก้า ส่วนด้านล่างเป็นพิวเรเยรูซาเลมอาร์ติโชก ความหนึบและกรุบของปลาหมึกทำให้จานนี้เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าจำนวนมาก และเราแนะนำให้ลองจริงๆ
เมนคอร์สจะเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกจากสเต๊กวากิว WX Ranger Valley Wagyu O.P. Rib (380 บาท / 100 กรัม) หากมากันหลายคนเราแนะนำให้สั่งยกชิ้นแบบนี้กันไปเลย เนื้อวัวออสเตรเลียการันตี Marble Score ระดับ 6 เนื้อย่างมีเดียมแรร์กำลังดี แถมมีมันแทรกมาระหว่างเนื้อ กินแล้วชุ่มลิ้นและชุ่มใจ มาพร้อมแจ่วและมัสตาร์ดให้เลือกจิ้มตามใจชอบ แถมยังมีเครื่องเคียงไม่ว่าจะเป็น Baby Cos Lettuce (160 บาท) เบบี้คอสสลัด Roast Cauliflower (290 บาท) ดอกกะหล่ำย่างราดครีมชีสกับครัมเบิลสมุนไพร หรือจะเป็น Not So Mashed Potatoes (220 บาท) มันฝรั่งบดผสมเนยทรัฟเฟิลรมควัน
ปิดท้ายด้วยขนมหวาน
ปิดท้ายด้วยขนมหวานนานาชนิด เช่น Chocolate & Hazelnut (190 บาท) ช็อกโกแลตมูสที่ใช้ช็อกโกแลตเวียดนาม เฮเซลนัทพิวเรรสเค็มมัน ช็อกโกแลตซอร์เบต์ และผงโกโก้สัมผัสร่วนๆ ตักทุกอย่างกินพร้อมกันในคำเดียวเพื่อได้รสชาติที่ดีที่สุด
What You Should Know:
- Siri House ประกอบด้วย Luka คาเฟ่ชื่อดังจากถนนปั้นที่มีเมล็ดกาแฟจากหลายแห่งให้ได้ลิ้มรสชาติ, Quince ร้านอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนที่เน้นกรรมวิธีการปรุงอาหารแบบอบด้วยถ่านไม้และการย่าง, Jacqueline ค็อกเทลบาร์ที่ผสมผสานระหว่างการชงมาร์ตินีสไตล์อเมริกันยุค 1920 กับความร่วมสมัยและความอ่อนหวานของสตรี, The Lounge at Siri House พื้นที่อเนกประสงค์สำหรับสมาชิก Siri Priority และ The Shop at Siri House โซนรวบรวมสินค้าที่ผ่านการคัดสรรเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นเสียงจาก Olympic Digger คอลเล็กชันหนังสือศิลปะ ไลฟ์สไตล์ และแฟชั่นจาก The Booksmith และร้านดอกไม้สุดเก๋ The Heart of SIRI by Heartmade
- นอกจากร้านอาหาร คาเฟ่ และบาร์ หลังบ้านนี้ยังมี Bimini สวนเล็กๆ บรรยากาศผ่อนคลาย พร้อมสระว่ายน้ำที่ลงเล่นได้ฟรีโดยไม่ต้องเป็นสมาชิก
Siri House
Open: เปิดบริการทุกวัน เวลา 8.00-00.00 น.
Address: ซอยสมคิด ถนนเพลินจิต ลุมพินี กรุงเทพฯ
Budget: 1,000-2,500 บาท
Contact: 09 4868 2639
Website: www.sirihouse.com/bangkok/thehouse
Map:
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์