การปลดพนักงานหลายครั้ง และทบทวนการใช้จ่ายเพื่อลดต้นทุน ทำให้ Sea บริษัทแม่ของ Shopee เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซพลิกจากตัวเลขขาดทุนเป็น ‘กำไร’ ภายในปี 2023
Sea ได้ปลดพนักงานประมาณ 7,000 ตำแหน่ง หรือประมาณ 10% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังได้ปิดการดำเนินงานในอินเดียและตลาดยุโรปและลาตินอเมริกาบางแห่งเพื่อลดต้นทุน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- Shopee ประเทศไทย ประกาศปลดพนักงานกลาง Town Hall แหล่งข่าวระบุ อาจมากถึง 600 คน
- Shopee ปลดพนักงาน 3% ในอินโดนีเซียกลางงาน Town Hall เพื่อควบคุม ‘การขาดทุน’ และเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนกลับคืนมา
- วิเคราะห์ ShopeeFood และ ShopeePay ปลดพนักงาน ‘ฟ้าผ่า’ สะท้อนอะไรถึงภาพอุตสาหกรรม Food Delivery ของไทยบ้าง?
โดยการลดจำนวนพนักงานเป็น ‘การดำเนินการอย่างต่อเนื่อง’ และมีสัญญาณว่าอาจมีการลดจำนวนพนักงานเพิ่มเติมอีก โดยตามรายงานประจำปี Sea มีพนักงานทั้งหมด 67,300 คน ณ สิ้นปี 2021 ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากปีก่อนหน้า
ในขณะที่การเติบโตกำลังชะลอตัว เส้นทางสู่ความสามารถในการทำกำไรในแง่ของ EBITDA ที่ปรับปรุงแล้ว (กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) สำหรับ Shopee ก็ ‘ชัดเจนขึ้น’ Mark Goodridge นักวิเคราะห์ของ Morgan Stanley กล่าวในหมายเหตุถึงนักลงทุน
บริษัทแม่ของ Shopee ย้ำว่าได้เปลี่ยนความคิดและจุดโฟกัสอย่างสิ้นเชิง “จากการเติบโตไปสู่การบรรลุความพอเพียงและการทำกำไรให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยไม่ต้องอาศัยเงินทุนจากภายนอกใดๆ” Forrest Li ประธานและซีอีโอของ Sea กล่าว “เรากำลังปรับตัวอย่างรวดเร็วกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป”
การประกาศของ Sea เกิดขึ้นในขณะที่ยักษ์ใหญ่วงการเกมและค้าปลีกออนไลน์ขาดทุนสุทธิ 569 ล้านดอลลาร์สำหรับไตรมาสสิ้นสุดเดือนกันยายน ซึ่งคล้ายกับที่ขาดทุน 570 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
รายรับรวมอยู่ที่ 3.1 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 17% จากปีเดียวกัน ยอดขายที่ Shopee เพิ่มขึ้น 32% เป็น 1.9 พันล้านดอลลาร์ แต่รายได้จาก Garena ที่ดูแลธุรกิจเกมได้ร่วงลง 19% ลดลงมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาเมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากโมเมนตัมของเกมมือถือ Free Fire ได้รับความนิยมลดลง
กระนั้นการประกาศผลขาดทุนรายไตรมาสที่น้อยกว่าที่คาดไว้ก็ทำให้มาร์เก็ตแคปของ Sea เพิ่มขึ้นเป็น 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยเพิ่มเป็น 9 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว แต่ยังต่ำกว่ามูลค่าสูงสุดที่เคยแตะถึง 2 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนตุลาคม 2021
แม้ว่า Sea จะเร่งรีบในการจัดการต้นทุน แต่ความท้าทายยังคงอยู่สำหรับธุรกิจเกม ซึ่งอาจใช้เวลาในการตั้งหลักเพื่อสร้างรายได้จากเกมใหม่บางเกม เพื่อตามหลัง Free Fire ที่ถือเป็นบ่อเงินบ่อทองในวันนี้ และเนื่องจากความไม่แน่นอนของตลาด ทำให้ Sea “ไม่มีความตั้งใจที่จะให้คำแนะนำใดๆ สำหรับปี 2023” เกี่ยวกับธุรกิจของบริษัท
อ้างอิง: