Sex Education เป็นซีรีส์ออริจินัล Netflix จากอังกฤษ แนวคอเมดี้-ดราม่า ที่เป็นกระแสทั่วโลกเมื่อปีที่แล้ว Netflix เปิดเผยว่า ในช่วง 4 สัปดาห์แรก Sex Education ถูกเปิดดูไปกว่า 40 ล้านเมมเบอร์ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ไม่มีใครคาดคิดว่า ซีรีส์วัยรุ่นแนว Coming of Age จะเป็นที่รักของใครหลายคนมากขนาดนี้ 

Sex Education เล่าเรื่องราวของ โอทิส (เอซา บัตเตอร์ฟีลด์) เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่บังเอิญไปช่วยให้คำปรึกษาเรื่องเพศกับเพื่อนอย่างที่ไม่คิดว่า มันจะกลายเป็นเรื่องโด่งดังไปทั่วโรงเรียน โดยเขาได้รับอิทธิพลความรู้เรื่องเพศมากจากคุณแม่ (จิลเลียน แอนเดอร์สัน) ที่เป็นนักบำบัดทางเพศนั่นเอง 

ปีนี้พวกเขากลับมาอีกครั้งกับซีซัน 2 ที่จะเข้าฉายทาง Netflix ในวันที่ 17 มกราคม 2020 กับ 8 ตอนรวดเช่นเดิม โดยซีซันนี้จะเติมข้อต่อของเส้นเรื่องเดิมให้กว้างและลึกขึ้น

(บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาของซีรีส์)

จากซีรีส์ภาคแรก เราได้เห็นการเติบโตของโอทิสมากขึ้นในเรื่องความสัมพันธ์และปัญหาเรื่องพ่อที่อาจจะเป็นปมในใจ จนเขาไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ซีซันแรกจบตรงที่เมฟดันไปเห็นโอทิสจูบกับ โอลา (แพทริเซีย อัลลิสัน) ลูกสาวช่างซ่อมสารพัดที่แม่ของโอทิสตกหลุมรักด้วย

ในขณะเดียวกัน เพื่อนซี้ของเขาอย่าง เอริก ก็มีความสัมพันธ์กับคู่กัด อดัม อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ลงท้ายปรากฏว่า พ่อส่งอดัมไปเข้าโรงเรียนทหารในตอนท้ายของซีซัน

จากรอยต่อในซีซันแรก เรื่องราวจะดำเนินต่อไปในซีซัน 2 กับนักแสดงชุดเดิม เพิ่มเติมคือ นักแสดงใหม่อีก 3 คน ได้แก่ ซามี เอาท์อัลบาลิ, จอร์จ โรบินสัน และ ชิเนนเย เอซูดู ที่จะมาสร้างสีสันและเติมความหลากหลายในซีรีส์มากขึ้น

แต่ก่อนที่จะกดเข้าไปดู Sex Education 2 ในวันที่ 17 มกราคมนี้ THE STANDARD POP จะชวนรีแคปซีซันแรก และย้ำเหตุผลว่า ทำไมซีรีส์วัยรุ่นเรื่องนี้ ถึงน่าดูสุดๆ ไม่ว่าคุณจะยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นหรือไม่ก็ตาม

1. เข้าถึงง่าย ตลก ดาราน่ารัก

ซีรีส์ Sex Education ดำเนินเส้นเรื่องผ่านวัยรุ่นในไฮสคูล จึงกลายเป็นซีรีส์ยอดนิยมได้ไม่ยาก ผสมกับนักแสดงมากความสามารถอย่าง จิลเลียน แอนเดอร์สัน ที่มารับบท จีน นักบำบัดทางเพศ แม่ของโอทิสได้อย่างทรงเสน่ห์  

เอซา บัตเตอร์ฟีลด์ ที่รับบท โอทิส นักแสดงวัยรุ่นนัยน์ตาสีฟ้าสวยที่เราเห็นหน้ามาตั้งแต่เด็กจากภาพยนตร์เรื่อง The Boy in the Striped Pyjamas, Hugo, Ender’s Game มาจนถึง Sex Education

อีกสองตัวแสดงนำอย่าง เอ็นคูติ กัตวา และ เอ็มมา แม็กเคย์ ที่ดังเป็นพลุแตก หลังจากซีรีส์ Sex Education เปิดตัว ก็มีเคมีความน่ารักอย่างเป็นธรรมชาติ บุคลิกแบบเป็นกันเองช่วยเสริมให้ซีนต่างๆ ลื่นไหลน่าดูมากยิ่งขึ้น นอกจากตัวแสดงแล้ว บทและมุกตลกก็ทำให้เราดู 8 ตอนได้อย่างเพลินๆ 

2. เรื่องเพศไม่ใช่เรื่องน่าอาย ไม่ลามก 

แม้ว่าใบปิดหน้าหรือกระแสที่โฆษณาเกี่ยวซีรีส์เรื่องนี้จะโจ๋งครึ่มและมีซีนอู้อ้าตั้งแต่ตอนแรกในซีซัน แต่แท้จริงแล้ว แก่นของ Sex Education คือซีรีส์ที่เล่าเรื่องเพศและเซ็กซ์อย่างเปิดเผย และย้ำว่า ไม่มีอะไรต้องอาย ถ้าจะคุยกันในเรื่องเหล่านี้

โอทิสไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ขณะที่แม่นักบำบัดทางเพศก็ถามไถ่สถานการณ์กับโอทิสในบทบาทที่เป็นแม่และบทบาทของนักบำบัดทางเพศอย่างธรรมดาสามัญ

‘อวัยวะเพศ’ ไม่ใช่คำต้องห้ามที่พูดกันไม่ได้ แสดงให้เห็นในตอนที่เราชอบมากที่สุดตอนหนึ่งใน Sex Education ซีซันแรก คือตอนที่โรงเรียน Moordale มีการส่งต่อรูปภาพลับของ ‘มดลูก’ ของนักเรียนสาวคนหนึ่ง ซึ่งตอนท้ายของซีซัน นักเรียนสาวทุกคนยกมือยอมรับว่า รูปนั้นคือรูปมดลูกของพวกเธอเอง (จนนักเรียนชายบางคนถึงกับยกมือยอมรับว่า มดลูกนั้นเป็นของพวกเขาด้วย) ตอนนี้แสดงให้เราเห็นว่า ในขณะที่ฝ่ายชายไม่เขินอายกับการโชว์ของลับให้ใครต่อใครดู ทำไมหญิงสาวต้องรู้สึกอายกับการแค่พูดคำว่า มดลูก ออกมาในที่สาธารณะด้วย 

วัฒนธรรมอังกฤษคล้ายกับเมืองไทยตรงที่ว่า ผู้ใหญ่มักจะเรียกชื่ออวัยวะเพศเป็นชื่ออื่นๆ ที่น่ารักแทน อย่าง Flower หรือ Nunu ไม่ต่างจากเมืองไทยที่ก็เรียกว่า น้องสาว เช่นกัน จนทำให้เราก็ตั้งคำถามกับตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมเราต้องอายที่จะพูดคำว่า มดลูกหรือองคชาติ เพราะมันก็เป็นอวัยวะหนึ่งในร่างกาย

นอกจากนี้ยังมีอีกสารพัดเรื่องเกี่ยวกับเพศ ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาตัวเอง, การเปลี่ยนแปลงทางเพศ, ฮอร์โมนของวัยรุ่น, การทำแท้ง, การหย่าร้างของพ่อแม่, การถูกเลี้ยงด้วยคุณแม่สองคน, ความไม่เข้าใจเรื่องการช่วยตัวเอง และการร่วมรัก ฯลฯ

3. ประเด็นเพศจริงจัง เปิดเผย เรียนรู้ได้

การทำแท้งเป็นตอนหนึ่งที่ในซีรีส์ที่แสดงให้เห็นว่า ประเด็นที่ทีมงานหยิบมาเล่าเป็นประเด็นปัจจุบัน เป็นประเด็นที่เด็กวัยรุ่นอาจจะต้องเจอ แต่ตั้งใจจะเล่าประเด็นหนักๆ แบบนี้แหละ 

นอกจากนี้ยังมีเรื่องการช่วยตัวเอง, ฮอร์โมนเรื่องเพศ, การยอมรับในความหลากหลายทางเพศ, การ Coming Out, การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและฮอร์โมนเพศ และการถูก Bully ในสถานการณ์ต่างๆ ฯลฯ

ประเด็นจริงจังเหล่านี้ถูกเรียงร้อยเข้าไปในเรื่องอย่างสมเหตุสมผลและเป็นจริง จนเชื่อว่า หลายคนเรียนรู้เรื่องเพศและความสัมพันธ์ในแบบที่ไม่มีสอนในโรงเรียนแน่นอน

4. ไม่เขินและชวนเปิดบทสนทนา

หลังจากดูซีรีส์เรื่องนี้จบ และก่อนจะเขียนบทความนี้ ผู้เขียนชวนเพื่อนๆ คุยฉากที่ประทับใจหรือความรู้ใหม่ที่ได้รับ อย่างเช่น ตัวละครที่เกิดภาวะโรคจิ๋มล็อก (Penis Captivus) ขึ้น ขณะกำลังมีความสัมพันธ์กับชายหนุ่ม 

Sex Education หยิบจับประเด็นเรื่องเพศที่น่าสนใจและเข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน ซึ่งเหมาะกับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย เพราะไม่ใช่มีแต่ปัญหาของวัยรุ่นเท่านั้น แต่ยังมีคาแรกเตอร์พ่อแม่ที่ก็ส่งผลต่อความคิดและการกระทำของเด็กๆ เหล่านี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการกดดันและการตั้งความหวังไว้กับลูกๆ มากเกินไป หรือการพูดคุยเรื่องเพศสภาพอย่างเปิดเผย ซึ่งเนื้อหาเหล่านี้ชวนพ่อแม่ลูกมานั่งดูซีรีส์ร่วมกัน และคุยประเด็นต่างๆ ร่วมกันก็เป็นฟีดแบ็กที่ดีเยี่ยม

5. ตัวละคร คาแรกเตอร์ที่หลากหลาย สมกับเป็นซีรีส์ยุคใหม่

เอริก เพื่อนสนิทของตัวเอกในเรื่อง ผู้มีความหลากหลายทางเพศ ก็ต้องพบเจอกับเหตุการณ์ Bully ที่คนสดใสและเปิดเผยต้องเก็บตัวและปกปิดความเป็นตัวเองไว้ เพราะกลัวว่าจะถูกทำร้ายร่างกายอีก ซึ่งก็มีบทสนทนาร่วมกับคุณพ่อ ที่ทำเอาเราถึงกับบ่อน้ำตาแตก 

เมฟ เพื่อนสาวที่ทำธุรกิจบำบัดทางเพศกับโอทิส ภายนอกเป็นคนแข็งแกร่ง ไม่ยอมใคร ถูกกล่าวหาว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่แท้จริงแล้ว เธอเป็นหญิงสาวที่มีมุมเปราะบางเหมือนกับคนอื่นๆ เธอเจ็บเป็น เศร้าเป็น และแคร์ความรู้สึกของเพื่อนมากกว่าที่ใครเข้าใจ

อดัม หนุ่มคู่กัดของเอริก ที่ดูเหมือนจะไม่ชอบตัวตนของเอริกเท่าไร แต่สุดท้ายกลับมีความสนใจชอบพอเอริกอย่างที่เขาไม่รู้ตัวมาก่อน ส่วนกับปมเรื่องพ่อ อาจารย์ใหญ่แห่งโรงเรียน Moordale ที่เข้มงวดกับตัวเขามาก จนสุดท้าย อดัมถูกส่งไปโรงเรียนเตรียมทหาร

ลิลี หญิงสาวที่อยากมีเซ็กซ์มาก เพราะกลัวตามเพื่อนๆ ไม่ทัน, แจ็กสัน กับการทำตามความฝันของแม่ที่อยากให้เป็นนักว่ายน้ำ จนเขาสับสนและไม่รู้ว่าตัวเองอยากทำอะไรกันแน่ และตัวละครมากมายที่เราเชื่อว่า คนดูทุกคนจะเห็นเส้นเรื่องชีวิตของตัวเองที่คล้ายคลึงกับตัวละครไม่มากก็น้อย และทั้งหมดจึงทำให้ Sex Education เป็นซีรีส์ที่มีมากกว่าการนำเสนอแง่มุมทางเพศที่เข้ากับยุคสมัย แต่ยังเป็นซีรีส์ที่คุยกับคนดูด้วยท่าทีที่เป็นมิตรและเข้าอกเข้าใจอย่างที่สุด 

ตัวอย่าง Sex Education Season 2

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล