×
SCB Omnibus Fund 2024

เศรษฐา จี้รัฐให้ ‘เอกชน’ มีส่วนร่วมนำเข้าวัคซีนโควิด-19 กระจายแบบเท่าเทียม เผย ‘แสนสิริ’ พร้อมสนับสนุนวัคซีนให้พนักงานและครอบครัวฟรี

27.04.2021
  • LOADING...
เศรษฐา จี้รัฐให้ ‘เอกชน’ มีส่วนร่วมนำเข้าวัคซีนโควิด-19 กระจายแบบเท่าเทียม เผย ‘แสนสิริ’ พร้อมสนับสนุนวัคซีนให้พนักงานและครอบครัวฟรี

ภาพรวมการระบาดของสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยในระลอกที่ 3 นี้ยังคงเป็นไปอย่างรวดเร็วและลุกลามในวงกว้างอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ช่วงขึ้นปีใหม่ไทย ‘เทศกาลสงกรานต์’ ที่ผ่านมา จนทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากต่างรู้สึกกังวลต่อสถานการณ์และภาพรวมเศรษฐกิจที่กำลังดำเนินไปอยู่ ณ ขณะนี้ เนื่องจากมีผู้ประกอบการธุรกิจจำนวนไม่น้อยที่แบกรับความเสียหายมาตั้งแต่การระบาดระลอกแรก รวมทั้งในระลอกที่ 2 และดูท่าว่าจะไม่สามารถทนรับแรงกระแทกจากวิกฤตที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ได้อีกแล้ว

 

วานนี้ (26 เมษายน) เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD WEALTH ถึงมุมมองที่ตัวเขามีต่อการระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยระลอกที่ 3 นี้ โดยบอกว่าเป็นสถานการณ์และผลกระทบที่ ‘หนักพอสมควร’ เนื่องจากเป็นวิกฤตที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง อีกทั้งในสถานการณ์การระบาดทั้ง 2 ระลอกหลังสุดเกิดขึ้นจาก ‘การปล่อยปละละเลย’ มากกว่าเหตุสุดวิสัย ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาความไว้วางใจต่อนักลงทุนและประชาชนที่มีต่อรัฐบาลในระยะยาว

 

“ผมแบ่งผลกระทบหลักๆ ออกเป็น 2 ประเด็น คือ 1. ตารางการเปิดประเทศใหม่ และเศรษฐกิจโดยรวม และ 2. ความมั่นใจที่ประชาชนมีต่อวิธีการจัดการและรับมือกับปัญหาของรัฐบาล ซึ่งผมมองว่าข้อที่ 2 สำคัญมากๆ เพราะหากความมั่นใจไม่เกิด การใช้จ่ายเงินและการลงทุนก็จะลดน้อยลงไป คนกังวลว่าในอนาคตอาจจะเกิดการระบาดในระลอกที่ 4 หรือ 5 ได้อีกหากการรับมือกับปัญหาทำได้ไม่ดีพอ


“ถามว่าควรจะล็อกดาวน์ทั้งระบบไหม (Total Lockdown) ผมไม่เห็นด้วย เพราะมันพังทลายของเศรษฐกิจไปเยอะมาก แต่เห็นด้วยกับการล็อกดาวน์แบบเป็นขั้นเป็นตอนในปัจจุบัน ซึ่งรัฐบาลมาถูกทางแล้ว เป็นการล็อกดาวน์ในแต่ละโซน แต่ละพื้นที่ กำหนดระดับความเสี่ยงของพื้นที่นั้นๆ ด้วยระดับสี ไม่ใช่การหว่านปิดทั้งหมด ไม่เช่นนั้นประชาชนจะประสบปัญหาอดตายกันหมด แต่ขณะเดียวกันรัฐบาลก็จะต้องมอนิเตอร์สถานการณ์อย่างใกล้ชิด ไม่ประมาท สำคัญที่สุดคือต้องปลูกฝังให้คนมีจิตใต้สำนึกในการป้องกันการระบาด”

 

พร้อมกันนี้ หัวเรือใหญ่จากแสนสิริยังเสนออีกด้วยว่า รัฐบาลจะต้องดำเนินแก้ปัญการระบาดของโควิด-19 ในระลอกที่ 3 ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ ณ ขณะนี้ด้วย 2 กลยุทธ์สำคัญ คือ 

 

1. รัฐต้องอนุญาตให้เอกชนนำเข้าวัคซีนได้โดยเร็ว

 

2. กระตุ้นเศรษฐกิจไทย ให้ความสำคัญทั้งระยะกลางและยาว

 

“รัฐจะต้องอนุญาตให้เอกชนนำเข้าวัคซีนได้โดยเร็ว โดยให้เอกชนมีส่วนร่วม และจะต้องทำทุกวิถีทางในการนำวัคซีนเข้ามาในปริมาณที่ ‘มากเกินกว่าความต้องการ’ ของประชาชนที่มีอยู่ เอาเยอะไว้ก่อน เอาทุกชนิดและทุกยี่ห้อให้ครอบคลุมมากที่สุด เตรียมแผนการกระจายวัคซีนให้ชัดเจน ที่สำคัญที่สุดคือจะต้องมี ‘ความเท่าเทียม’ มีการแบ่งลำดับความสำคัญในการฉีดวัคซีน (บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า) ไม่มีกรณีการเข้าถึงวัคซีนแบบที่ไม่เป็นธรรมเกิดขึ้น

 

“ประการถัดมา ‘วิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจ’ ใครบอกว่ารัฐบาลถังแตกในวันนี้ ผมยืนยันว่าไม่จริง เพราะรัฐบาลมีอำนาจและกำลังที่จะไปกู้เงินมาเพื่อเยียวยาทุกภาคส่วนที่เดือดร้อนได้อีก เพราะฉะนั้นรัฐบาลก็จะต้องจัดการวางแผนระยะกลางว่าจะเยียวยาต่อไปอีกนานแค่ไหน จนกว่าจะเริ่มเปิดประเทศ นี่เป็นเรื่องคู่ขนานที่รัฐบาลต้องเตรียมตัว ไม่ใช่ระวังแต่ประเด็นโควิด-19 อย่างเดียว เพราะจะต้องวางแผนฟื้นฟู เยียวยา ภาคส่วนที่เดือดร้อนด้วย”

 

ในส่วนของแสนสิรินั้น เศรษฐาระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมาพวกเขาได้ให้ความสำคัญกับลูกบ้าน ผู้อยู่อาศัยทุกโครงการ ด้วยการอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านทุกคนให้ได้มากที่สุด ทั้งประเด็นการดูแลสุขลักษณะ อนามัย การบรรเทาความเดือดร้อน

ขณะที่ฝั่งพนักงาน วันนี้ได้ปรับมาใช้แนวทางการ Work from Home ในสัดส่วนมากถึง 80% และสลับวันให้พนักงานแต่ละชุดเวียนกันมาปฏิบัติหน้าที่ที่ออฟฟิศเฉพาะกรณีที่จำเป็นเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีมาตรการการตรวจหาโควิด-19 แบบ Rapid Test และการทำความสะอาดบิ๊กคลีนนิ่งอยู่ตลอดเวลา

 

รวมถึงในอนาคต หากรัฐบาลเปิดกว้างให้โรงพยาบาลเอกชนนำวัคซีนเข้ามา และบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้รับวัคซีนครบตามลำดับความสำคัญแล้ว หากเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้รับวัคซีน แสนสิริก็ยินดีที่จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายฉีดวัคซีนให้กับพนักงานของแสนสิริและครอบครัวของพนักงานด้วย

 

พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising