ปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนลดลง MoM ในเดือนมีนาคมและเมษายน 2567 เนื่องจากเป็นช่วงที่มีวันหยุดยาวและปิดภาคเรียน จากนั้นในเดือนพฤษภาคม ปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนกลับมาขยับขึ้น 1%MoM และ 0.4%YoY สู่ 1.1 ล้านเที่ยวต่อวัน ส่งผลทำให้ปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนโดยเฉลี่ยใน 5M67 อยู่ที่ 1.1 ล้านเที่ยวต่อวัน ลดลง 0.1%YoY แต่ยังคงสอดคล้องกับสมมติฐานเต็มปีที่ InnovestX Research คาดว่าจะอยู่ในระดับทรงตัว YoY ปัจจุบันปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนอยู่ที่ 90% ของระดับก่อนเกิดโควิด
MRT (สายสีน้ำเงิน) – จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น MoM และ YoY อย่างต่อเนื่อง จำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 387,400 เที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้น 1.8%MoM และ 12.4%YoY ส่งผลทำให้จำนวนผู้โดยสารโดยเฉลี่ยใน 5M67 อยู่ที่ 412,000 เที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้น 13.4%YoY เทียบกับสมมติฐานที่คาดว่าจะเติบโต 15% ในปี 2567 ยังคงคาดว่าอัตราการเติบโต YoY จะเร่งตัวขึ้นใน 2H67 โดยได้รับการสนับสนุนจากการเปิด One Bangkok ในเดือนมีนาคม, Dusit Central Park ใน 3Q67 และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันจำนวนผู้โดยสารอยู่ที่ 82.4% ของระดับก่อนเกิดโควิด
BTS (สายสีเขียวหลัก) – ยังอยู่ในโหมดฟื้นตัว จำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 519,400 เที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้น 1.8%MoM และ 7.3%YoY ส่งผลทำให้จำนวนผู้โดยสารโดยเฉลี่ยใน 5M67 อยู่ที่ 539,900 เที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้น 7.9%YoY และ ช่วง 2MFY2568 (เดือนเมษายน-พฤษภาคม 2567) อยู่ที่ 514,700 เที่ยวต่อวัน (เพิ่มขึ้น 8.7%YoY) เทียบกับสมมติฐานปี FY2568 ที่คาดว่าจะเติบโต 13.5% ปัจจุบันจำนวนผู้โดยสารอยู่ที่ 80% ของระดับก่อนเกิดโควิด
สายสีเหลือง – ปรับตัวดีขึ้น MoM จำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 30,900 เที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้น 11.7%MoM ในขณะที่ไม่มีข้อมูลเปรียบเทียบ YoY เนื่องจากสายสีเหลืองเพิ่งเปิดให้บริการในเดือนกรกฎาคม 2566 ตัวเลขดังกล่าวส่งผลทำให้จำนวนผู้โดยสารโดยเฉลี่ยใน 5M67 อยู่ที่ 33,000 เที่ยวต่อวัน และช่วง 2MFY2568 (เดือนเมษายน-พฤษภาคม 2567) อยู่ที่ 29,300 เที่ยวต่อวัน เทียบกับสมมติฐานปี FY2568 ที่ 53,000 เที่ยวต่อวัน ทั้งนี้ ผู้โดยสาร 50% ของสายสีเหลืองเดินทางเชื่อมต่อกับ MRT (สายสีน้ำเงิน) ที่สถานีลาดพร้าว ปัจจุบันสายสีเหลืองกลับมาให้บริการตามปกติแล้วหลังจากเกิดอุบัติเหตุในเดือนมีนาคม
สายสีชมพู – แข็งแกร่งขึ้น MoM จำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 50,000 เที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้น 12.6%MoM ในขณะที่ไม่มีข้อมูลเปรียบเทียบ YoY เนื่องจากสายสีชมพูเพิ่งเปิดให้บริการในเดือนมกราคม 2567 และข้อมูลล่าสุดที่มีคือเดือนมีนาคม 2567 จำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม อยู่ที่ 47,200 เที่ยวต่อวัน และ 47,300 เที่ยวต่อวัน ในช่วง 2MFY2568 (เดือนเมษายน-พฤษภาคม 2567) เทียบกับสมมติฐานปี FY2568 ที่ 75,000 เที่ยวต่อวัน ทั้งนี้ สายสีชมพูไม่มีการเชื่อมต่อโดยตรงกับ MRT (สายสีน้ำเงิน) และ BTS (สายสีเขียวหลัก)
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มขนส่งทางบก (SET TRANS) ปรับลง 8.47%, BEM ปรับลง 5.56% ขณะที่ SET Index ปรับลง 3.32%
ความเห็นและกลยุทธ์การลงทุน:
ตัวเลขปริมาณจราจรโดยรวมในเดือนพฤษภาคม 2567 ปรับตัวดีขึ้น MoM และ YoY โดยได้แรงหนุนหลักจากการเปิดภาคเรียนในช่วงครึ่งหลังของเดือนพฤษภาคม BEM เป็นหุ้นเด่นของ InnovestX Research ในกลุ่มขนส่งทางบก โดยให้ราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี SOTP ที่ 10.5 บาทต่อหุ้น (8.2 บาทสำหรับธุรกิจหลัก, 1.5 บาทสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และ 0.8 บาทสำหรับมูลค่าเงินลงทุน) เนื่องจากเล็งเห็นถึงโมเมนตัมกำไรที่ดีพร้อมปัจจัยกระตุ้นเชิงบวกหลายอย่างใน 2H67 นอกจากนี้ปริมาณจราจรก็มีทิศทางที่จะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ทั้งปี 2567
สำหรับ BTS ให้คำแนะนำ NEUTRAL โดยมีราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี SOTP อยู่ที่ 5.9 บาทต่อหุ้น (4.1 บาทสำหรับธุรกิจหลัก และ 1.8 บาทสำหรับมูลค่าเงินลงทุน) เนื่องจากเชื่อว่ากำไรปกติยังไม่น่าจะถึงจุดต่ำสุด และจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองยังเติบโตช้ากว่าที่คาดการณ์ นอกจากนี้ยังคงคำแนะนำ NEUTRAL สำหรับ BTSGIF โดยมีราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี DDM อยู่ที่ 4.5 บาทต่อหน่วย (WACC 5.9% และไม่มี Terminal Value)
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การฟื้นตัวของปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนและจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า ความน่าเชื่อถือของการให้บริการคือ ความเสี่ยง ESG ที่สำคัญสำหรับกลุ่มขนส่งทางบก เนื่องจากจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อจำนวนผู้โดยสาร
