สวัสดีครับท่านนักลงทุน แนวโน้ม SET ยังยืนบริเวณ 1,600 จุด ไม่ได้มีแรงขายออกมาก่อนหยุดเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากแรงขายทำกำไรในหุ้น DELTA หลังขึ้นไปเหนือระดับ 1,000 บาทก่อนหน้า กระตุ้นแรงขายทำกำไร และความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาในช่วงนี้ล้วนส่งสัญญาณชะลอตัว เช่น ตัวเลขภาคการผลิตของ ISM, ตัวเลขเปิดรับสมัครงานใหม่ประจำเดือนกุมภาพันธ์, ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP ประจำเดือนมีนาคม และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมีนาคม เป็นต้น เป็นปัจจัยกดดันให้ SET ปรับตัวลง ด้านวอลุ่มการซื้อขายในตลาดเฉลี่ยต่อวันปรับตัวลดลง MoM เนื่องจากนักลงทุนชะลอการเข้าลงทุนจากการมีวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ และตลาดที่ขาดปัจจัยหนุนใหม่ ทำให้การฟื้นตัวจำกัด
มาถึงมุมมอง SET หลังกลับมาเปิดหลังหยุดเทศกาลสงกรานต์ ผมแบ่งเป็น 2 Scenario ดังนี้ครับ โดย Scenario 1 หากช่วง SET ปิดทำการ แล้วสถานการณ์ตลาดหุ้นต่างประเทศไม่มีประเด็นที่มีนัยในทางลบเข้ามากระทบ ผมมองว่ากรณีนี้แนวรับ SET บริเวณ 1,540-1,560 จุด น่าจะเป็นจุดรองรับได้ และมีโอกาสฟื้นตัวกลับในลำดับถัดไป ส่วน Scenario 2 เป็นกรณีหากมีประเด็นลบอย่างมีนัยสำคัญเข้ามากระทบ ให้ติดตามแนวรับ SET บริเวณ 1,500 จุด หรือต่ำกว่า มองจะมีความน่าสนใจในการเข้าซื้อสะสม เนื่องจากระดับ SET ที่ต่ำกว่า 1,500 จุด มองมีความน่าสนใจทางด้านมูลค่าพื้นฐาน โดยหากอิงกำไรของตลาดในปีนี้ (Consensus คาดไว้ที่ประมาณ 102 บาทต่อหุ้น) SET จะเทรดที่ระดับ P/E ต่ำกว่า 15 เท่าแล้ว
ดังนั้นสรุปมุมมอง SET จะฟื้นหรือทรุดขึ้นอยู่กับปัจจัยที่เข้ามากระทบ โดยหากสถานการณ์เป็นปกติ คาดแนวรับบริเวณ 1,540-1,560 จุด รองรับได้ ส่วนกรณีมีปัจจัยลบอย่างมีนัยเข้ามากระทบ มอง SET มีโอกาสทรุดลงไปหา 1,500 จุด อย่างไรก็ตาม มองเป็นโอกาสซื้อด้วยความน่าสนใจทางด้าน Valuation
ทางด้านหุ้นแนะนำมีหุ้นแนะนำใน 2 ธีม ได้แก่ 1. หุ้น Best of the Best ภายใต้วิกฤตการเงินในสหรัฐฯ และยุโรป แนะนำหุ้นซึ่งมีพื้นฐานและฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีกำไรในปี 2566-2567 เติบโตเฉลี่ยสูงกว่ากำไรของกลุ่มหุ้นที่ฝ่ายวิจัย InnovestX ให้คำแนะนำเป็น Outperform และ Valuation ไม่แพง โดยซื้อขายด้วย PER และ P/BV เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่บริเวณ -1.0 ถึง -2.0 S.D. ทำให้คาด Downside เริ่มจำกัด จึงมองเป็นโอกาสซื้อสะสม เลือก AU, BBL, BDMS, CPALL และ GULF 2. หุ้นที่มีสถิติให้ผลตอบแทนดีหากซื้อวันแรกหลังเปิดสงกรานต์และขายปลายเดือนเมษายน
โดยหุ้นที่ฝ่ายวิจัย InnovestX ให้คำแนะนำเป็น Outperform และมีปัจจัยบวกหนุน ได้แก่ กลุ่มพลังงาน เลือก PTT และ BCP ซึ่งคาดได้อานิสงส์ราคาน้ำมันฟื้นตัวและค่าการกลั่นเข้าสู่ High Season, กลุ่มค้าปลีก เลือก HMPRO หลังอุปสงค์เครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มให้ความเย็นปรับตัวดีขึ้นจากภาวะอากาศร้อนจัด และหุ้นปันผล เลือก AP, KKP, KTB และ LH ซึ่งจะขึ้น XD ในช่วงกลางเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคมนี้
ส่วนสุดท้ายหลังสงกรานต์จะเข้าสู่ช่วงรายงานผลการดำเนินงานใน 1Q66 ซึ่งจะเริ่มที่กลุ่มธนาคาร ฝ่ายวิจัย InnovestX ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวงบ 1Q66 ของกลุ่มธนาคาร โดยคาดว่ากลุ่มธนาคารจะรายงานกำไรสุทธิใน 1Q66 เพิ่มขึ้น 40%QoQ และ 10%YoY ทั้งนี้เมื่อเทียบ YoY คาดว่ากลุ่มธนาคารโดยรวมจะมีสินเชื่อเติบโตระดับต่ำ, NIM ที่ดีขึ้น และตั้งสำรองเพิ่มขึ้น ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมลดลง ด้านอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้อยู่ในระดับทรงตัว ทางด้านกลยุทธ์การลงทุนมองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงในระยะหลังนี้เปิดโอกาสให้เข้าซื้อสะสมหุ้นธนาคาร
โดยเลือก KTB และ BBL เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคาร เพราะ 1. มีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2. ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ 3. Valuation น่าสนใจ
บทความที่เกี่ยวข้อง
- หุ้นไทย แย่สุดอันดับ 3 ของโลก! ‘ดร.นิเวศน์’ ชี้ 4 สาเหตุสำคัญ ด้าน ‘หมอพงศ์ศักดิ์’ แนะนักลงทุนค้นหา ‘ความสามารถที่ยั่งยืน’ ของตัวเอง
- นักกลยุทธ์ลงทุน ยก ‘หุ้นจีน-อาเซียน’ สินทรัพย์ลงทุนที่เหมาะสุดยามเกิดภาวะ Soft Landing
- ทำความรู้จัก ‘หมี-กระทิง-พิราบ-เหยี่ยว’ และเหล่าสัตว์อื่นๆ มีความหมายอย่างไรในโลกการเงิน
- รวมทุกช่องทาง InnovestX Official ให้คุณได้ติดตามข้อมูลข่าวสารการลงทุนรอบโลก คลิก: https://linktr.ee/InnovestX
- เปิดบัญชีลงทุน InnovestX วันนี้! เปิดครั้งเดียวลงทุนได้ครบทั้งจักรวาลการลงทุน โหลดเลย คลิก: https://innovestx.onelink.me/23if/stwarticleweb
- ติดตามบทวิเคราะห์การลงทุนอื่นๆ เพิ่มเติมจาก InnovestX คลิก: https://bit.ly/respublisher
*ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้