หุ้นไทย (SET) หลังเปิดตลาดช่วงเช้า (10 พฤศจิกายน) เปิดกระโดด 45 จุด หรือราว 3.5% จากวันก่อนหน้า ที่ระดับ 1,330 จุด สูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน ด้วยมูลค่าการซื้อขายเฉียด 4 หมื่นล้านบาทในช่วงครึ่ง 30 นาทีแรก โดยปัจจัยสำคัญที่เข้ามาหนุนดัชนีคือ การเปิดเผยของผู้พัฒนาวัคซีนอย่าง Pfizer ซึ่งผลการทดสอบสามารถป้องกันโควิด-19 ได้ 90%
โดยกลุ่มหุ้นที่ปรับตัวขึ้นนำตลาดเช้านี้เป็นกลุ่มที่ธุรกิจอิงกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้ราคาหุ้นถูกกดดันอย่างต่อเนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 เช่น
บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) เพิ่มขึ้น 20% ทำจุดสูงสุดที่ 69 บาท
บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เพิ่มขึ้น 24.5% ทำจุดสูงสุดที่ 22.80 บาท บมจ. แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) เพิ่มขึ้น 18.2% ทำจุดสูงสุดที่ 4.02 บาท
ในมุมกลับกันจะเห็นว่า หุ้นกลุ่มที่ได้อานิสงส์จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงก่อนหน้านี้ ต่างถูกเทขายออกมา และทำให้ราคาหุ้นลดลงหนักเช่นกัน โดยเฉพาะหุ้นอย่าง บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT โดยราคาหุ้นลดลงไปต่ำสุดที่ 71.25 บาท หรือลดลง 18.5%
รวมถึงหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์อย่าง บมจ. เดลต้า อิเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA, บมจ. เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE) และ บมจ. ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส (HANA) ซึ่งร่วงลงราว 7-13%
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล