×

SET Index เข้าโหมด ‘กระทิง’ ขายตัวไหน ซื้อตัวไหน ตกรถทำอย่างไร?

10.09.2024
  • LOADING...

ต้องยอมรับกับผู้อ่านก่อนว่าการที่ SET Index ปรับตัวขึ้นกว่าร้อยจุดภายในระยะเวลาไม่กี่วัน ณ ต้นเดือนกันยายน ถือเป็นเรื่อง ‘หักปากกาเซียน’ ของใครหลายคน

 

SET Index สามารถยืนระดับ 1,400 จุดได้อย่างไม่ยากเย็น จากการมาของกองทุนรวมวายุภักษ์ การเดินหน้าต่อของดิจิทัลวอลเล็ต ประกอบกับการแข็งค่าอย่างรวดเร็วของค่าเงินบาทจากประเด็นธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะมีการปรับ ‘ลด’ ดอกเบี้ยนโยบาย สะท้อนถึงเม็ดเงินที่หลั่งไหลเข้าประเทศไทยของนักลงทุนต่างชาติ

 

ก่อนอื่นเลยผมจึงอยากอธิบายถึงสองประเด็นในประเทศข้างต้นว่าสำคัญอย่างไรต่อประเทศไทยใน 4Q24 และปี 2025

 

1. พายุหมุนของเงินดิจิทัล: เป็นไปอย่างที่ CGS International คาดการณ์ รัฐบาลใหม่ยังคงเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตต่อไป เนื่องจากเป็นนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทยที่มี แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรค

 

ในมุมมองของหุ้น กลุ่มอุปโภคบริโภคน่าจะกลับมา Outperform ได้อีกครั้ง และในมุมของเศรษฐกิจ ผมประเมิน Upside Risks ต่อประเด็นดังกล่าวต่อเศรษฐกิจไทยปี 2025 ราว 30bp และคาดว่า GDP ไทยจะเติบโตได้ราว 3%YoY

 

2. พายุหมุนของกองทุนรวมวายุภักษ์: ผมเชื่อว่ากองทุนน่าจะลงทุนในหุ้นที่มีผลตอบแทนและคะแนน ESG สูง (อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่า 3% และมีคะแนน SET ESG Ratings ตั้งแต่ระดับ ‘AA’ ขึ้นไป) และด้วยขนาดของกองทุนรวมวายุภักษ์ และกองทุน Thai ESG รวมกันน่าจะมีสัดส่วนประมาณ 1% ของ Market Cap เราเชื่อว่าประเด็นดังกล่าวจะช่วยหนุนให้ดัชนี SET ปรับตัวขึ้นประมาณ 5% หรือ 70 จุด ใน 4Q24

 

คำถามสำคัญมีอยู่ 2 ข้อ คือ

ถึงเวลาขายทำกำไรแล้วหรือยัง?

นี่เราตกรถแล้วหรือยัง และหากตกรถนักลงทุนควรทำอย่างไร?

 

ผมจึงขอนำเสนอกลยุทธ์ของผมซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 ประการ ดังนี้

 

1. ลดน้ำหนัก Global Plays และเพิ่มน้ำหนัก Domestic Plays: ด้วยเงินบาทที่แข็งค่า การเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่กำลังใกล้เข้ามา ราคาน้ำมันดิบที่ยังปรับตัวลดลง ผมเชื่อว่า งบ 3Q24 ของกลุ่มส่งออกและพลังงาน (พลังงานต้นน้ำและโรงกลั่น) อาจจะออกมาอ่อนแอกว่ากลุ่มหุ้นที่เน้นธุรกิจในประเทศ มากไปกว่านั้น ในปัจจุบันที่หุ้นไทยกำลังพุ่งทะยานก็มาจากหุ้นที่ทำธุรกิจในประเทศทั้งสิ้น อาทิ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ค้าปลีก และโทรคมนาคม

 

2. ขายทำกำไร Leaders และเข้าลงทุน Laggards: ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ

2.1 หุ้นกลุ่มค้าปลีก โดยราคาหุ้นของ CPALL ปรับตัวขึ้นแรงกว่าหุ้นค้าปลีกตัวอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากเป็นผู้นำ ดังนั้นผมแนะนำให้ขายทำกำไร CPALL และเปลี่ยนตัวเล่น เข้าลงทุนค้าปลีกแถวสองอย่าง CRC หรือ HMPRO แทน

 

2.2 หุ้นปันผลสูง โดยราคาหุ้นของ ADVANC ปรับตัวโดดเด่นกว่าหุ้นปันผลสูงๆ อื่นๆ ดังนั้นผมจึงอยากแนะนำลงทุนหุ้นปันผลที่ขึ้นน้อยกว่าอย่าง LH

 

3. ซื้อหุ้นน้ำหนักน้อยในกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง: หากเราดูภาพประกอบจะเห็นว่าสัดส่วนการถือหุ้นของ SCBX สูงมาก (25.3%) รวมถึง TTB (5.3%) และ KTB (3.5%) ดังนั้นกลยุทธ์ที่เหมาะสมอาจจะเป็นการเข้าซื้อ KBANK หรือ BBL แทน เนื่องจากมีคะแนน ESG ที่ถึงเกณฑ์ และการจ่ายปันผลเกิน 3% ทั้งคู่

 

กล่าวโดยสรุป แม้ SET Index จะปรับตัวขึ้นมาเยอะแล้ว แต่ผมเชื่อว่าเมื่อเทียบกับที่ลงมาตลอดในช่วง 2 ปีนี้ยังถือว่าขึ้นไม่เยอะเลยสักนิด

 

หน้าที่ของเราคือเลือกตัว Laggards และอยู่ให้ถูกที่ถูกเวลา นอกเหนือจากการซื้อตัวไหนหรือขายตัวไหน สิ่งที่ผมอยากจะเตือนนักลงทุนคือการรอคอยจังหวะ เพราะผมเชื่อว่าจะต้องมีวันที่ SET Index ปรับตัวย่อลงมาอย่างแน่นอน จังหวะนั้นแหละจะเป็นจังหวะที่เรากลับเข้าไปซื้อได้ดีกว่า กล่าวคือ ‘ซื้อวันแดง ขายวันเขียว’ ในยามที่ภาพของกระทิงชัดเจนขึ้นครับ

 

หุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่า 3% และมีคะแนน SET ESG Ratings ตั้งแต่ระดับ ‘AA’ ขึ้นไป

 

การถือหุ้น 10 อันดับแรกของกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง

 

อ้างอิง: CGS International, CGSI Estimates, CGSI Macro & Wealth Research, CGSI Quantitative Team

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising