×

ผ่านฉลุย! ผู้ถือหุ้นไทยพาณิชย์ไฟเขียวตั้งยานแม่ SCBX เล็งจ่ายปันผลเดือน ส.ค. 65 ตั้งเป้าลดรายได้ธุรกิจธนาคารเหลือ 60% ในอนาคต

15.11.2021
  • LOADING...
SCBX

ผู้ถือหุ้นไทยพาณิชย์อนุมัติปรับโครงสร้างธุรกิจ พร้อมใช้ปันผล 7 หมื่นล้านบาท แบ่งจ่ายกระบวนการโอนย้ายธุรกิจ คาดกระบวนการสวอปหุ้นเสร็จสิ้นเดือนมีนาคม หลังจากนั้นสร้างผลประกอบการครึ่งแรกปี 2565 จ่ายผู้ถือหุ้นรายย่อยเดือนสิงหาคม ชี้ช่วงแรกรายได้จากแบงก์ยังเป็นรายได้หลักกว่า 90% ตั้งเป้าเพิ่มรายได้ธุรกิจอื่น ระบุรายได้จากบัตรเครดิตมาเร็วสุด หวังกดสัดส่วนรายได้แบงก์ลดเหลือ 60% ในอนาคต เผยยังโฟกัสธุรกิจฟินเทคทั้งในและภูมิภาค ยันไม่มีนโยบายลงทุนในคริปโตฯ โดยตรง

 

ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในวันนี้ (15 พฤศจิกายน) ได้พิจารณาอนุมัติการปรับโครงสร้างธุรกิจและโครงสร้างการถือหุ้น รวมถึงการโอนย้าย 10 บริษัทย่อย ธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน และจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจำนวน 70,000 ล้านบาทให้กับ SCBX และผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ

 

อาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการบริหาร เปิดเผยว่า ด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในรูปแบบเดิม (Universal Banking) มีข้อจำกัดในการแข่งขัน และทำให้การดำเนินธุรกิจการเงินในรูปแบบใหม่ไม่คล่องตัว การปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจการเงินจึงมีความจำเป็นต่อธุรกิจของธนาคารในอนาคต ธนาคารจึงมีแผนที่จะปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจทางการเงินไทยพาณิชย์ 

 

โดยจัดตั้ง บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) เป็นโฮลดิ้ง โดยคาดว่าหลังการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. แล้ว กระบวนการในการแลกหุ้นจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสแรกหรือสิ้นเดือนมีนาคม 2565 และ SCBX จะเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แทนธนาคารไทยพาณิชย์ด้วยชื่อ SCB เช่นเดิม

 

อาทิตย์กล่าวอีกว่า เงินปันผลจำนวน 7 หมื่นล้านบาทที่ได้รับอนุมัติในครั้งนี้จะใช้เพื่อการปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยเบื้องต้นเป็นเงินลงทุนของ SCBX ราว 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ไปในกระบวนการโอนย้ายบริษัทย่อยและการโอนธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านภาษีที่ 2.2 พันล้านบาทซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายหลัก

 

สำหรับการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นรายย่อยนั้นจะเกิดขึ้นหลังการแลกหุ้นสำเร็จ คือหลังไตรมาสแรกของปี 2565 ซึ่งอาจจะทำให้ระยะเวลาการจ่ายเงินปันผลล่าช้าไปจากเดิมเล็กน้อย จากปกติผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินปันผลจาก SCBX ในเดือนพฤษภาคมก็จะเป็นเดือนสิงหาคมแทน โดยจะมาจากผลประกอบการครึ่งปีแรก 2565 ของ SCBX ซึ่งนโยบายการจ่ายปันผลของกลุ่มไทยพาณิชย์จะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิในแต่ละปี ทั้งนี้จะต้องขึ้นกับนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้วย เพราะกลุ่มไทยพาณิชย์ยังคงอยู่ภายใต้กฎระเบียบของ ธปท.

 

“การปันผลในปีหน้าที่เป็นวันออฟ อยากให้ผู้ถือหุ้นมั่นใจ หลังสวอปสำเร็จ SCBX จะเริ่มมีผลประกอบการครึ่งปีแรก และดูจากยอดผลประกอบการนั้น รวมถึงบริษัทลูกด้วย โดย SCBX จะเป็นผู้จ่ายปันผล ทั้งนี้จะต้องเป็นไปภายในกรอบของ ธปท. ในช่วงนั้นๆ ด้วย” อาทิตย์กล่าว

 

ซีอีโอไทยพาณิชย์ยังกล่าวด้วยว่า แม้ธุรกิจธนาคารยังมีขนาดใหญ่ มีรายได้และกำไร แต่การแข่งขันมีความรุนแรงมาก ในเชิงอัตราผลตอบแทน (Profitability) ที่ต้องใช้ทุนมาก ทำให้อัตราผลตอบแทนไม่สูง ขณะที่ SCBX จะช่วยขยายโอกาสไปสู่ธุรกิจการเงินอื่นๆ ที่อยู่นอกโครงสร้างธนาคารจะแข่งได้ ซึ่งให้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่า ช่วยสร้างรายได้เพิ่มที่สูงขึ้นให้ผู้ถือหุ้นของกลุ่มและมีโอกาสเพิ่มมูลค่ากำไรในภาพรวมที่สูงขึ้นด้วย

 

ทั้งนี้ในช่วงแรกสัดส่วนรายได้หลักหรือราว 80-90% จะมาจากธุรกิจธนาคารที่เป็นสัดส่วนใหญ่สุด แต่ภายหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจแล้ว การสร้างรายได้จะมีความหลากหลายมากขึ้นตามความพร้อมของแต่ละธุรกิจที่แยกออกไป ซึ่งเรามองว่ากลุ่มที่มีความพร้อมในการสร้างรายได้ก่อน เช่น ธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน หรือ Card X จะมีโอกาสเติบโตและการสร้างผลกำไร และสามารถสร้างรายได้ให้กลุ่มธุรกิจได้ก่อน ส่วนธุรกิจที่เหลือจะทยอยสร้างรายได้เข้ามาใน 3-5 ปีหน้า โดยในอนาคตโครงสร้างรายได้ของ SCBX จะเปลี่ยนแปลง โดยตั้งเป้าหมายว่าจะเห็นสัดส่วนการสร้างรายได้ที่ไม่ใช่ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ราว 30% ส่วนธุรกิจธนาคารพาณิชย์จะลดเหลือ 60% ในอนาคต

 

“ธุรกิจธนาคารยังเป็นธุรกิจสำคัญ การลงทุนของ SCBX หลังจากนี้จะยังคงโฟกัสธุรกิจการเงิน รวมถึงการเข้าสู่ธุรกิจเทคโนโลยีการเงินขั้นแอดวานซ์ และเน้นการปรับเอาเทคโนโลยีมาใช้ สร้างเทคโนโลยีการเงินหรือฟินเทคและโฟกัสในสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงโฟกัสการนำธุรกิจฟินเทคขยายไปยังภูมิภาค โดยจะขยายในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการซื้อกิจการ การร่วมลงทุน หรือการตัดสินใจสร้างกิจการขึ้นมาเอง” ซีอีโอไทยพาณิชย์กล่าว

 

อาทิตย์ระบุว่า ภายหลังการเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจแล้ว ความเสี่ยงทางธุรกิจก็เปลี่ยนไปด้วย เพราะธุรกิจธนาคารพาณิชย์มีความเสี่ยงต่ำแต่ผลตอบแทนก็ต่ำด้วย การที่เราปรับโครงสร้างธุรกิจทำให้เราไปสู่ธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น และเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วย ส่วนการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีนั้น ธนาคารไม่มีนโยบายลงทุนในคริปโตฯ โดยตรงแต่อย่างใด ส่วนการเข้าไปถือหุ้น Bitkub นั้นในขณะนี้ยังไม่เกิดการลงทุนแต่อย่างใด เนื่องจากยังเป็นเพียงการทำข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งจะรอทางการเห็นชอบทั้ง ธปท. และ ก.ล.ต. เห็นชอบด้วย 

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising