×

เทียบฟอร์ม ‘จีน-อินเดีย’ 2 ยักษ์เศรษฐกิจของเอเชีย SCBAM ชี้ GDP อินเดียโตโดดเด่น เหมาะลงทุนระยะยาว พร้อมแนะเกาะติดความเสี่ยงภาคอสังหา

26.06.2024
  • LOADING...
SCBAM GDP

บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBAM) แนะลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้นอินเดีย รับอานิสงส์ GDP โตแกร่ง 3 ปี เฉลี่ย 8% ส่วนปีนี้คาดโต 7% ขณะที่นโยบายปรับโครงสร้างเศรษฐกิจมาสู่ภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น เพิ่มแต้มต่อระยะยาว พร้อมประเมินตลาดหุ้นจีนยังเหมาะลงทุนระยะสั้น เพราะความเสี่ยงภาคอสังหาริมทรัพย์อาจลากยาว กดดันตลาดหุ้นถึงปีหน้า

 

วิไล ชยางคเสน Director, ฝ่ายจัดสรรสินทรัพย์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBAM) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Morning Wealth ว่า จีนและอินเดียเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของเอเชีย ซึ่งก็มีความสนใจในการลงทุนแตกต่างกันไป อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาในมุมของภาพรวมเศรษฐกิจพบว่า เศรษฐกิจอินเดียมีข้อได้เปรียบมากกว่าเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจจีน

 

วิไลกล่าวว่า เศรษฐกิจจีนในปัจจุบันเป็น Divergence Economy หรือเศรษฐกิจที่มีการเติบโตต่างกันระหว่างเศรษฐกิจภายในประเทศและเศรษฐกิจที่เกี่ยวเนื่องกับต่างประเทศ โดยกลุ่มธุรกิจที่โตได้ดีคือธุรกิจส่งออก และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคการผลิตภายในประเทศ ขณะที่กลุ่มธุรกิจที่อาจติดลบคือกลุ่มอสังหา เนื่องจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง และราคาขายบ้านก็ปรับลดลงต่อเนื่องเช่นกัน

 

โดยรวมแล้วเป้าหมาย GDP ของจีนที่ระดับ 5% อาจเป็นไปได้ยาก

 

 

สำหรับอินเดียนั้น เศรษฐกิจเติบโตโดดเด่นสุดในเอเชีย โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจอินเดียโตเฉลี่ย 8% ส่วนปีนี้ก็คาดการณ์ว่า GDP น่าจะเติบโต 7% จากการลงทุนและการบริโภคในประเทศ ซึ่งการเติบโตของเศรษฐกิจที่โดดเด่นนี้ถือเป็นปัจจัยบวกหลักที่ทำให้การลงทุนในอินเดียน่าสนใจ

 

นอกจากเศรษฐกิจเติบโตโดดเด่น อินเดียยังมีการเลือกตั้งที่แล้วเสร็จไปแล้วและประกาศผลไปเมื่อเดือนมิถุนายน ซึ่งแม้จะเป็นรัฐบาลผสม แต่ตลาดก็คาดว่านโยบายจะต่อเนื่อง และจะมีการปฏิรูปเศรษฐกิจต่อเนื่องตามแผน ซึ่งจะมาสู่ Fund Flow ที่ไหลเข้าสู่หุ้นอินเดีย

 

ทั้งนี้ตามสถิติในอดีต หลังการเลือกตั้ง Fund Flow และตลาดหุ้น จะเป็นบวก

 

SCBAM GDP

 

หุ้นอินเดีย เหมาะลงทุนยาว

 

ในส่วนของการลงทุนนั้น วิไลกล่าวว่า หุ้นจีนในระยะสั้น มี Short-term Catalyst โดยในเดือนหน้าที่จะมีการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือ Politburo ซึ่งโดยปกติจะมีการประกาศนโยบายใหม่มาพยุงภาคส่วนที่อ่อนแอ ตลาดจึงคาดหวังว่าจะมีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหา แต่ต้องมีขนาดที่ใหญ่พอที่จะกระตุ้นให้นักลงทุนเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น

 

“หุ้นจีน แม้จะเทรดระยะสั้นได้ จากข่าวดีมาตรการต่างๆ แต่ปีนี้จะเป็นปีของการเลือกตั้งสหรัฐอเมริกา ก็จะเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามองสำหรับหุ้นจีน เพราะถ้า โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ ความรุนแรงของสงครามการค้าอาจเพิ่มขึ้น และทำให้ภาพที่มองไประยะยาวในอีก 6 เดือน หรือถึงปีหน้า หุ้นจีนจะยังคงถูกปัจจัยกดดัน” วิไลกล่าว

 

สำหรับหุ้นอินเดีย มองเป็นการลงทุนระยะยาว ถ้าตลาดย่อตัวหรือปรับฐานก็เข้าซื้อเรื่อยๆ แม้จะมีคนบอกว่าแพง แต่สิ่งที่กำลังแบ็กอัพ Trade Premium ก็คือการเติบโตที่โดดเด่นกว่าตลาดอื่นในภูมิภาค รวมถึงนโยบายปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจให้มาเป็นเศรษฐกิจที่เป็นอุตสาหกรรมหรือภาคการผลิตมากขึ้น เป็นธีมระยะยาวที่ถือลงทุนได้

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising