×

SCB Private Banking ตั้งเป้า AUM 1 ล้านล้านบาทในปี 2566 ชู 3 ธีมลงทุนต่างประเทศในปีนี้

04.03.2021
  • LOADING...
SCB Private Banking

สารัชต์ รัตนาภรณ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่าตลาด Wealth หรือธุรกิจบริหารความมั่งคั่งช่วงที่ผ่านมาเติบโตมาก เพราะสภาพคล่องที่ล้นตลาดส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ นักลงทุนจึงหาผลตอบแทนที่ชนะดอกเบี้ยเงินฝากหรือพันธบัตร แต่ความผันผวนในตลาดยังสูงขึ้น ทำให้กลุ่ม Wealth และผู้มีสินทรัพย์สูง (HNWIs: มีสินทรัพย์ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป) จึงหาผู้เชี่ยวชาญช่วยดูแลพอร์ตมากขึ้น และทำให้ธุรกิจ Wealth ขยายตัวขึ้น

 

ทั้งนี้ คาดว่าภาพรวม Wealth ทั่วโลกในปี 2567 จะเติบโต 7% เมื่อเทียบกับปี 2561 และกลุ่ม Wealth จะขยายตัวมากในจีน กลุ่มเอเชียแปซิฟิก รวมถึงไทย ที่คาดว่าจะเติบโต 5% สูงกว่า GDP ไทยถึง 2 เท่า โดยกลุ่มลูกค้า Wealth ในไทยคาดว่าจะอยู่ที่ 8.86 แสนคน เพิ่มขึ้น 5% จากปี 2561 ที่อยู่ราว 7.1 แสนคน ปัจจุบันธุรกิจ Wealth ของไทยพาณิชย์มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิที่อยู่ภายใต้การบริหาร (AUM) ราว 8.5 แสนล้านบาท

 

ขณะเดียวกันธุรกิจ Wealth ยังมีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้น โดยธนาคารไทยพาณิชย์ปรับกลยุทธ์มาเน้นธุรกิจนี้ตั้งแต่ปี 2560 โดยปีนั้นรายได้จากธุรกิจ Wealth คิดเป็น 7% ของรายได้รวม และ 56% ของรายได้ค่าธรรมเนียม ซึ่งปี 2563 สร้างรายได้มากขึ้นโดยคิดเป็น 15% ของรายได้รวม และ 31% ของรายได้ค่าธรรมเนียม

 

ทั้งนี้ คาดว่า AUM ลูกค้ากลุ่ม Wealth ของไทยพาณิชย์จะโตเฉลี่ยปีละ 10-12% และปี 2566 คาดว่าจะมี AUM 1 ล้านล้านบาท ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมคาดว่าจะเติบโตสองหลัก 

 

เมธินี จงสฤษดิ์หวัง รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Private Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่ากลุ่มลูกค้า Wealth ของไทยพาณิชย์มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อดู Investment AUM (ไม่รวมเงินฝาก) จะมีสินทรัพย์อยู่ประมาณ 5.7 แสนล้านบาท จาก AUM ทั้งหมดที่ 8.5 แสนบาท

 

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันมองว่าการลงทุนควรกระจายความเสี่ยงในต่างประเทศเพื่อหาผลตอบแทนเพิ่มขึ้น โดยมีการลงทุน 3 ธีมที่น่าสนใจ ได้แก่

 

  1. การลงทุนตาม New Normal การเปลี่ยนแปลงในโลกใหม่ เช่น คลาวด์ซิสเต็มส์ โลจิสติกส์ และอีคอมเมิร์ซ ลฯ
  2. ธีม ESG เนื่องจากรัฐบาลหลักของประเทศต่างๆ ให้ความสำคัญมาก เช่น สหรัฐฯ ที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยการลงทุนที่น่าสนใจคือพลังงานหมุนเวียน (Green Energy) ฯลฯ
  3. Search For Yield เพราะตอนนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงต่ำเป็นประวัติการณ์ จึงต้องมองหาการลงทุนที่เพิ่มผลตอบแทน เช่น ตราสารหนี้ ฯลฯ

 

“พอร์ตการลงทุน แนะนำในปีนี้แบ่งเป็น 60% ลงทุนในหุ้น และ 40% ลงทุนในตราสารหนี้ โดยหากช่วงที่มีความผันผวนสูง แนะนำให้ปรับตราสารหนี้เป็น 50-60% แต่หากโควิด-19 เริ่มอยู่ตัวและวัคซีนเริ่มกระจายอย่างมีประสิทธิผล แนะนำว่าให้ลดการถือตราสารหนี้ลงเหลือ 30%” 

 

โดยปีนี้ยังต้องติดตามปัจจัยหลักคือประสิทธิผลการกระจายวัคซีนและท่าทีของธนาคารกลางแต่ละประเทศว่าจะมีนโยบายเปลี่ยนแปลงอย่างไร เช่น การลดเงินอัดฉีด QE สู่เศรษฐกิจ

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising