ความเคลื่อนไหวหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BANK) วันนี้ (22 กรกฎาคม) ปรับตัวขึ้นได้โดดเด่นสุดในตลาด และมีส่วนหนุนดัชนีหุ้นไทย (SET) ในช่วงเช้าวันนี้ประมาณ 3 จุด จากที่ปรับขึ้นราว 10 จุดในช่วงหลังเปิดตลาด
โดยหุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ปรับตัวขึ้นมากสุดในกลุ่ม เพิ่มขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 99.25 บาท +8.7% จากวันก่อนหน้านี้ ขณะที่หุ้นแบงก์ใหญ่อื่นๆ สามารถปรับตัวขึ้นได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ธนภัทร ฉัตรเสถียร ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ มองว่า การปรับขึ้นของกลุ่มแบงก์ในวันนี้เป็นไปตามบรรยากาศของตลาดหุ้นทั่วโลกที่ฟื้นตัวกลับมาได้มากกว่า โดยยังไม่ได้เห็นปัจจัยเชิงบวกเฉพาะตัวของกลุ่มแบงก์มากนัก และที่สำคัญคือการระบาดของโควิดในประเทศยังไม่ได้อยู่ในทิศทางที่ดี
“ก่อนหน้านี้ราคาหุ้นกลุ่มแบงก์อ่อนตัวลงมาค่อนข้างมาก ทำให้เกิดการรีบาวด์ในจังหวะที่ตลาดฟื้นตัว ส่วนผลประกอบการของแบงก์ในไตรมาส 2 อาจจะยังไม่ใช่จุดต่ำสุดของปีนี้ เพราะความไม่แน่นอนของการระบาดของโควิดและการล็อกดาวน์ที่อาจจะยืดเยื้อ ทำให้ลูกหนี้อาจจะมีปัญหาเพิ่มขึ้น”
ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน หุ้นกลุ่มแบงก์ยังมีลักษณะเป็น Market Performer คือเคลื่อนไหวไปตามตลาด เมื่อตลาดหุ้นลงแบงก์ก็จะลงด้วย กลับกันเมื่อตลาดหุ้นขึ้นแบงก์ก็จะขึ้น แต่ด้วยปัจจัยที่ไม่แน่นอนทำให้นักลงทุนต้องระมัดระวังมากขึ้น สำหรับนักลงทุนระยะยาวอาจรอจังหวะให้เห็นว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้นก่อนจะเข้าไปลงทุน
ส่วนการฟื้นตัวเด่นกว่ากลุ่มของ SCB และ KTB ในวันนี้ เป็นเพราะผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ดีกว่าคาด เนื่องจากการตั้งสำรองฯ ในระดับทรงตัวจากไตรมาสแรก แต่หากไตรมาส 3 สถานการณ์แย่ลง ก็อาจจะเห็นทั้งสองแบงก์กลับมาตั้งสำรองสูงขึ้น
ส่วนกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจปรับลดค่าธรรมเนียมที่แต่ละแบงก์สามารถเรียกเก็บ ตอนนี้ยังเป็นช่วงของการนำข้อมูลมาพิจารณาร่วมกัน แต่ในเบื้องต้นเชื่อว่าจะไม่กระทบมากนัก เพราะเรื่องของค่าธรรมเนียมขึ้นกับต้นทุนของแต่ละธนาคาร การจะกำหนดตายตัวอาจทำได้ยาก เพราะแบงก์ใหญ่กับแบงก์เล็กต้นทุนต่างกัน ขณะที่แบงก์ต่างประเทศที่มีแค่ 1-2 สาขา ก็ยิ่งมีต้นทุนสูงกว่า
“การจะกำหนดค่าธรรมเนียมตายตัวสำหรับทุกแบงก์เท่ากันน่าจะทำได้ยาก แต่ในส่วนนี้อาจเป็นการพิจารณาในบางรายการของแต่ละแบงก์ที่อาจจะเรียกเก็บสูงเกินไป”