วันนี้ (10 มกราคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการลาออกของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคพลังประชารัฐ เพื่อไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า พรรคพลังประชารัฐมีผู้สมัครในแต่ละเขตมากกว่า 1 คนอยู่แล้ว จริงๆ แล้ว ส.ส. คนเก่าที่ไป ส่วนใหญ่เป็น ส.ส. สมัยแรก ซึ่งพรรคพลังพรรคประชารัฐก็ได้คนดีๆ มาเยอะมาก มั่นใจ และมั่นใจมากว่าจะสามารถแทนคนเก่าได้ด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคพลังประชารัฐจะมีการประชุมกันเพื่อประกาศชู พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเมื่อใด สันติกล่าวว่า น่าจะเดือนนี้ แต่ว่าวันไหนกำลังกำหนดอยู่
ส่วนจะมี พล.อ. ประวิตร คนเดียว หรือมีถึง 3 ชื่อ สันติกล่าวว่า “แน่นอน เราคงต้องชูหัวหน้าพรรคของเรา เพื่อความมั่นใจก็ควรจะชูเพียงคนเดียว แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรค ซึ่งพรรคพลังประชารัฐตอนนี้ก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องถามความสมัครใจของ พล.อ. ประวิตร หรือไม่ สันติกล่าวว่า พล.อ. ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรค ทำเพื่อบ้านเมืองมาตลอดชีวิต ถ้าหากกรรมการบริหารพรรคให้เหตุผลว่า ท่านควรจะช่วยเหลือบ้านเมืองพัฒนาบ้านเมือง ด้วยการที่จะเป็นเบอร์ 1 ในการนำพาเศรษฐกิจ นำพาความมั่นคงนำพาความอยู่ดีกินดี มีเงิน พล.อ. ประวิตร จะไม่รับได้อย่างไร เพราะท่านเสียสละเพื่อชาติมาตลอด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะต้องมาแข่งกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือไม่ สันติกล่าวว่า ขออย่าไปเรียกว่าแข่ง มันอยู่ที่พี่น้องประชาชนเห็นว่าใครจะสามารถเป็นที่พึ่ง ที่หวัง สร้างอนาคตให้กับชนบท มีความเจริญรุ่งเรือง โดยเฉพาะการพัฒนาลูกหลานให้มีศักยภาพในการแข่งขัน เพราะขณะนี้โลกโลกพัฒนาเร็วมาก ถ้าเราไม่ตื่นตัวโดยการสร้างเสริมได้ความรู้ติดอาวุธให้กับลูกหลาน โลกอนาคตจะไม่มีใครมาต่อสู้กับนวัตกรรมโลกที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ. ประวิตร เหมาะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปใช่หรือไม่ สันติกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ใช่”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แสดงว่า พล.อ. ประวิตร เหมาะเป็นนายกรัฐมนตรีมากกว่า พล.อ. ประยุทธ์ ใช่หรือไม่ สันติย้ำว่า “ใช่ ท่านเหมาะมาก”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามการถึงเปิดตัว พล.อ. ประยุทธ์ ของพรรครวมไทยสร้างชาติเมื่อวานนี้ (9 มกราคม) ทำให้หวั่นไหวหรือไม่ สันติกล่าวว่า ไม่มีอะไรหวั่นไหว เพราะหากอนาคตใครทำดี เราก็ต้องทำให้ดีมากกว่า
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การส่งผู้สมัครในพื้นที่จะมีการเหลื่อมพื้นที่กันหรือไม่ เพราะหลายคนมองว่าพรรคพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติมีฐานเสียงเดียวกันหากลงซ้อนกัน อาจจะแพ้การเลือกตั้งทั้งคู่ สันติกล่าวว่าเรามั่นใจ เรื่องการส่งผู้สมัครชนกันทุกพรรคอยู่แล้ว เพราะมีกติกาที่เราต้องเข้าใจ หากหลีกทางกัน ประชาชนก็จะไม่ได้เลือก เพราะเป็นการตัดอำนาจประชาชน พร้อมย้ำว่าพลังประชารัฐพร้อมสู้เต็มที่ทุกเขต และยืนยันว่าไม่มีการดีลกันเพื่อหลบเขตระหว่างพรรคพี่พรรคน้องอย่างแน่นอน
สันติกล่าวอีกว่า การจับมือร่วมงานในอนาคตนั้น หัวหน้าพรรคของพลังประชารัฐเป็นคนที่มีสัมพันธ์ที่ดีกับทุกคน เพราะฉะนั้น เรื่องการไปรังเกียจ ส.ส. หรือพรรคการเมือง ไม่สามารถทำได้ เพราะประชาชนเลือกมา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แสดงว่ายินดีร่วมกับทุกภาครวมถึงพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ สันติกล่าวว่าอย่าเพิ่งไปคิดตอนนั้น ให้พี่น้องประชาชนเลือกเราให้มากๆ ก่อน เลือกพรรคพลังประชารัฐเป็นอันดับหนึ่ง ได้ ส.ส. เกินครึ่ง ก็ไม่มีความจำเป็นต้องร่วมกับใคร ได้ใช้นโยบายที่มีความตั้งใจจะประกาศออกมาเร็วๆ นี้ได้เต็มประสิทธิภาพ 100%
ส่วนจะสามารถปลุกกระแสพรรคพลังประชารัฐแลนด์สไลด์ได้หรือไม่ สันติกล่าวว่า เราก็พยายามอยู่แต่ไม่อยากคุย
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่สันติให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอยู่ นายกรัฐมนตรีได้เดินลงมาจากตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อเข้าห้องประชุมที่ตึกสันติไมตรี โดยนายกรัฐมนตรีไม่ได้หันมามอง มีเพียง พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่หยุดฟัง และโบกมือให้กับสื่อมวลชน